บุรีรัมย์ 17 ก.ย. – แก๊งคนร้ายโกงตาชั่งหมูยังออกอาละวาดอย่างหนักในหลายพื้นที่ ทั้งภาคอีสาน กลาง และตะวันออก แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินสายให้ความรู้ และกลุ่มผู้เลี้ยงหมู พยายามตักเตือนกันเอง แต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งแก๊งคนร้ายได้ มิจฉาชีพกลุ่มนี้มีวิธีการฉ้อโกงอย่างไรบ้าง
ชาวบ้านหลายครอบครัวในจังหวัดบุรีรัมย์ต่างเคยถูกแก๊งคนร้ายโกงตาชั่งรับซื้อหมู ทำให้น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัม สูญเงินเป็นจำนวนมาก ทีมข่าวตรวจสอบจากเหยื่อหลายรายจนพบพฤติกรรมและกลโกงของแก๊งคนร้าย
เดือนก่อนคนร้าย 5 คน ติดต่อซื้อหมู 45 ตัว จากฟาร์มแห่งนี้ในอำเภอบ้านกรวด ได้น้ำหนักเฉลี่ยเพียงตัวละ 40.6 กิโลกรัม ผิดจากความเป็นจริงไม่ต่ำกว่าตัวละ 30 กิโลกรัม สูญเงินที่ควรจะได้ 70,000-90,000 บาท คิดทบทวนย้อนดูภาพที่บันทึกไว้จึงมั่นใจว่าถูกโกงตาชั่ง พฤติกรรมแปลกๆ ของกลุ่มคนร้าย เช่น คุยกันเอะอะโวยวาย เหมือนจงใจเบี่ยงเบนความสนใจ กันไม่ให้เจ้าของหมูเข้าใกล้ตาชั่ง ชั่งหมูทีละหลายตัว โดยไม่สนใจคำทักท้วง เวลาขนหมูเดินเท้าเปล่า แต่เวลาชั่งกลับใส่รองเท้าหนาพิเศษ คาดว่าสอดเข้าใต้แท่นชั่งเพื่อดันแท่นชั่ง หรือดันกรง เพื่อให้อ่านน้ำหนักได้น้อยกว่าความเป็นจริง
หัวหน้าสำนักงานสาขาชั่ง ตวง วัด เขต 2-5 สุรินทร์ รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ เปิดเผยกลโกงแก๊งโกงตาชั่งรับซื้อหมูว่ามีหลากรูปแบบ ทั้งใช้เท้าดันแท่นชั่ง ดันคานส่งน้ำหนัก ใช้นิ้วเกี่ยวตัวตั้งศูนย์โดยนำสมุดฉีกมาบดบังสายตา รวมทั้งทำลูกตุ้มตาชั่งปลอมด้วยการเจาะเอาตะกั่วเข้าไปแทน นอกจากนี้ยังพบว่ากรงหมูมีน้ำหนักไม่เท่ากัน โดยตอนชั่งกรงเปล่าจะใช้กรงที่มีน้ำหนักเยอะ แต่พอชั่งพร้อมกับหมูกลับใช้กรงเบา ที่เจ้าหน้าที่เคยตรวจพบกรงหนักสุดและเบาสุดต่างกันถึง 21 กิโลกรัม
ข้อมูลกลุ่มเฟซบุ๊ก “เครือข่ายชุมชนคนเลี้ยงหมู” ระบุว่าขบวนการนี้มีมานานกว่า 20 ปี แม้จะตักเตือนทางสื่อออนไลน์ แต่ยังมีช่องว่างกับกลุ่มเกษตรกรที่เข้าไม่ถึงสื่อสมัยใหม่ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แก๊งคนร้ายโกงตาชั่งรับซื้อหมูจึงระบาดหนักขึ้น และไม่จำกัดวงเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน แต่แก๊งคนร้ายกลุ่มเดียวกันนี้ยังตระเวนฉ้อโกงเกษตรกรไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั้งภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเบาะแสคนร้ายในพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่เชื่อมโยงไปยังอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา. – สำนักข่าวไทย