กรุงเทพฯ 13 ก.ย – รมว.เกษตรฯ สั่งกรมชลประทานเตรียม 13 ทุ่งเจ้าพระยารับน้ำจากพายุบารีจัต-มังคุด พร้อมประสานผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จภายใน 15 ก.ย.นี้
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งกรมชลประทานเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุบารีจัตและมังคุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุ่มน้ำที่ยังมีน้ำมากให้เร่งผลักดันออกทะเล เพื่อให้มีพื้นที่รองรับฝนที่จะตกลงมาระลอกใหม่
ทั้งนี้ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงานสถานการณ์น้ำว่า กำลังเร่งพร่องน้ำในลุ่มน้ำที่มีน้ำมาก ได้แก่ ลุ่มน้ำปราจีนบุรีเชื่อมกับนครนายกและฉะเชิงเทรา ซึ่งแม่น้ำนครนายกรับน้ำต่อจากแม่น้ำปราจีนบุรีมีความจุของลำน้ำน้อยกว่าแม่น้ำปราจีนบุรี 5 เท่า ต้องใช้เครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำออกอ่าวไทยที่อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยขณะนี้น้ำทะเลไม่หนุนสูง อีกลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำเพชรบุรี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น ฝนตกเหนือเขื่อนแก่งกระจานน้อยลง จึงเร่งผลักดันน้ำออกทะเลที่อำเภอปึกเตียนและบ้านแหลม ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องเร่งระบายน้ำจากลำน้ำสาขาลงสู่แม่น้ำโขง นอกจากนี้ ยังกำชับให้กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำเขื่อนต่าง ๆ ที่มีน้ำเกินเกณฑ์เก็บกัก โดยระบายน้ำออกจากเขื่อนให้บริหารจัดการโดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่เกษตรที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว
นายกฤษฎา กล่าว่า ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ฝนตกชุกที่สุด กรมชลประทานได้เตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่งทั้งตอนบนและตอนล่างลุ่มเจ้าพระยาเป็นแก้มลิง 1.5 ล้านไร่ จะรับน้ำหลากได้ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในส่วนของพื้นที่ตอนบน คือ ทุ่งบางระกำ 382,000 ไร่ในจังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัยเก็บเกี่ยวเสร็จหมดแล้ว รับน้ำได้ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับพื้นที่ตอนล่างประสานผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และปทุมธานี ให้เกษตรกร 12 ทุ่ง ได้แก่ ทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก ทุ่งบางกุม ทุ่งบางกุ้ง ทุ่งโครงการพระยาบรรลือ ทุ่งโครงการฯ รังสิตใต้ ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด ทุ่งโพธิ์พระยา ให้แจ้งเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวทั้งหมดภายในวันที่ 15 กันยายน หากมีน้ำเหนือจะมีพื้นที่ 1.2 ล้านไร่เป็นแก้มลิงรับน้ำได้ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ทั้งนี้ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังมีพื้นที่รับน้ำได้รวม 10,443 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31% ของความจุอ่าง หากมีฝนตกชุกอีกครั้งมั่นใจว่ากรมชลประทานบริหารจัดการได้
นายกฤษฎา กล่าวว่า ขณะที่เฝ้าระวังน้ำหลาก ยังมีพื้นที่บางส่วนประสบภัยแล้ง คือ ภาคกลาง ได้แก่ บางพื้นที่ของจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ พื้นที่ทุ่งกุลาร้องให้ ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะปฏิบัติการทำฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกที่ขาดน้ำไปจนเก็บเกี่ยวเสร็จ แต่ได้กำชับให้ระมัดระวัง เนื่องจากแต่ละพื้นที่เพาะปลูกไม่พร้อมกันหรือชนิดพืชต่างกัน ความต้องการน้ำไม่เหมือนกัน จึงต้องไม่ให้ปฏิบัติการฝนหลวงไปกระทบต่อพื้นที่ที่เตรียมเก็บเกี่ยวผลผลิตและไม่ต้องการน้ำแล้ว.-สำนักข่าวไทย