บวท.จัดจราจรทางอากาศรับเออีซี

กรุงเทพฯ  12 ก.ย. – วิทยุการบินเร่งจัดระบบจราจรทางอากาศรองรับเออีซี คาดว่าสนามบินอู่ตะเภาจะมีบทบาทสำคัญเชื่อมโยงภูมิภาค


นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า เพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายรัฐบาลในอนาคตท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาจะมีบทบาทสำคัญที่จะมีเส้นทางบินเชื่อมทุกภูมิภาค รวมถึงเที่ยวบินระหว่างประเทศ ดังนั้น บวท.เตรียมแผนจัดการจราจรทางอากาศให้สอดคล้องยุทธศาสตร์นี้ โดยการให้บริการทางการบินในอนาคตสนามบินส่วนกลางมีพื้นที่ใกล้เคียงกันทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง ทั้ง 2 สนามบินมีทางวิ่งหรือรันเวย์สนามบินละ 2 เส้น และอยู่รัศมีไม่ไกลกัน เมื่อในอนาคตสนามบินอู่ตะเภาให้บริการเต็มรูปแบบมีเที่ยวบินจำนวนมากขึ้น รวมทั้งอู่ตะเภาต้องมีรันเวย์ 2 เส้นเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้ง 3 สนามบินมีรันเวย์รวมกัน 6 เส้น และรัศมีการบินไม่ไกลกันจำเป็นต้องจัดจราจรทางอากาศให้เกิดความปลอดภัยและคล่องตัวทำการบินขึ้นลงของอากาศยาน

นายสมนึก กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะดำเนินการ คือ นำระบบจัดการการบินทางเดียวมาใช้ เปลี่ยนจากปัจจุบันสนามบินแต่ละแห่งจะใช้รันเวย์ 1 เส้น บินสวนกันขึ้นลงแล้วแต่ช่วงเวลา ทำให้เกิดการตัดกัน แต่เพื่อรองรับ 3 สนามบินจะนำระบบการบินทางเดียว ซึ่งรันเวย์แต่ละเส้นจะให้บริการทิศทางเดียว เพื่อลดจุดตัด แนวทางดังกล่าวจะทำให้สามารถเพิ่มปริมาณเที่ยวบินต่อวันได้อย่างร้อยละ 50-100 ขณะเดียวกันเมื่อจัดการจราจรทางอากาศลักษณะดังกล่าวแล้วต้องพิจารณาว่าหากมีเส้นทางการบินใหม่เกิดขึ้นก็ต้องขออนุญาตสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และหน่วยงานดานความมั่นคง  ทั้งนี้ ตั้งเป้านำระบบเดินอากาศทางเดียวมาใช้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยไม่ต้องรอให้สนามบินอู่ตะเภาคับคั่ง


นอกจากนี้ ปลายปีนี้ บวท.จะนำระบบจำลองเส้นทางบินมาใช้ เพื่อให้ในอนาคตการจำลองเส้นทางบินจะช่วยให้ทราบว่าเมื่อเพิ่มเส้นทางบินหรือปริมาณเที่ยวบินจังหวัดใดมากขึ้นจะทำให้รู้ว่าควรจัดจราจรที่สนามบินต้นทางและปลายทางอย่างไร เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น ปีนี้ประเมินว่าไทยจะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปี 2560 หรือปริมาณเที่ยวบินมากวก่า 1 ล้านเที่ยวบิน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง