กกต. 16 ก.ย.-ประธาน กกต.ยอมรับกังวลกรณีผู้ตรวจฯ ชี้มูล “ธีรวัฒน์” ขัดจริยธรรมร้ายแรง เผยส่วนตัวให้กำลังแล้ว ขณะเจ้าตัวยังปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่จะชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจริยธรรมของนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ เข้าข่ายขัดจริยธรรมร้ายแรง ว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงราย ยังไม่ทราบว่าหนังสือของผู้ตรวจฯ มีเนื้อหาอย่างไร หรือระบุให้ กกต.ดำเนินการอย่างไร
“ผมได้เจอกับนายธีรวัฒน์ที่เชียงรายก็ได้ให้กำลังใจ แต่ไม่ได้คุยถึงรายละเอียด ตัวนายธีรวัฒน์ก็ไม่ได้ชี้แจงหรือแสดงท่าทีวิตกกังวล เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนจะต้องดำเนินการตามระเบียบอย่างไรนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบ” นายศุภชัย กล่าว
เมื่อถามว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุม กกต.เมื่อไร นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องดูว่าระเบียบต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างไร เพื่อความรอบคอบก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ จึงยังไม่ทราบว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเมื่อใด
เมื่อถามว่าการให้ กกต.ตรวจสอบกันเองจะถูกมองว่าช่วยเหลือกันหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เราไม่สามารถเดาใจกรรมการคนอื่นได้ เมื่อถามว่ากังวลว่าจะกระทบภาพลักษณ์องค์กรหรือไม่ เพราะขณะนี้เผชิญกับปัญหาหลายเรื่อง นายศุภชัย กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความกังวลบ้าง ไม่ใช่ไม่กังวล แต่ต้องดูข้อเท็จจริง ดูอย่างอื่นประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันนี้ได้พยายามขอสัมภาษณ์นายธีรวัฒน์ ซึ่งได้รับแจ้งจากทีมงานว่านายธีรวัฒน์ติดภารกิจและได้เดินทางออกจากสำนักงาน กกต.ไปในช่วงบ่าย พร้อมบอกด้วยว่านายธีรวัฒน์ยังไม่ขอให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากต้องขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อนและจะชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นวันใด
แหล่งข่าวในสำนักงาน กกต.เปิดเผยว่า นายธีรวัฒน์มีการตั้งข้อสังเกตต่อกรณีดังกล่าวว่าเป็นเรื่องการดิสเครดิตทางการเมืองภายในหรือการเมืองภายนอกหรือไม่ เนื่องจากหนังสือที่ผู้ตรวจฯ ส่งถึงนายธีรวัฒน์ไม่มีลักษณะเป็นคำร้อง แต่เป็นคำถามจำนวน 5 คำถามมาให้ตอบ มีคำถามแปลก ๆ เช่น ถามว่าเคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐกี่แห่ง ซึ่งไม่เข้าใจว่าถามทำไม อีกทั้งผู้ตรวจฯ มีการพิจารณาอย่างรวบรัด จึงขอเวลารวบรวมเพื่อตั้งข้อสังเกตต่อการทำงานของผู้ตรวจฯ ที่ไม่ส่งคำร้อง.-สำนักข่าวไทย