ปิดฉากผัว-เมีย”โจรอุ้มหมา”หนีหมายจับ 15 ปีได้เงินกว่า 10 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- จับแล้ว ผัวเมีย ”โจรอุ้มหมา” ซ่อนตัวหนีหมายจับนาน 15 ปีเสียหายกว่า 10 ล้านบาท รับนำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้เสียหายแห่ดูตัวเกือบถูกประชาทัณฑ์ 


พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกันแถลงจับกุมนายอภิชาติ บุญเรือง อายุ 42 ปี และนางสาวอุษา เกษมณี หรือฑิญาตา บุญเรือง อายุ 38 ปี สองผัวเมียโจรอุ้มหมาที่ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ทั่วประเทศมานานกว่า 15 ปี ได้ทรัพย์สินไปรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมยึดรถยนต์ 4 คัน กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ เเว่นตา และทรัพย์สินอีกจำนวนมาก มูลค่ารวมกันกว่า 10 ล้านบาท   

โดยฝ่ายสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 1 สามารถจับกุมนายอภิชาติ และ น.ส.อุษา ได้ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในทาวน์เฮาส์ ในซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหม โดยระหว่างก่อนการแถลงข่าวขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวสองสามีภรรยาเดินลงมาจากห้องสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นั้นบรรดาผู้เสียหายต่างจะรุมเข้าประชาทัณฑ์ 


พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ โดยในช่วงแรกจะใช้วิธีการอุ้มลูกไปในร้านขายของต่างๆ เบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนจะเข้าไปขโมยทรัพย์สิน แต่เมื่อลูกโตขึ้นจึงเปลี่ยนวิธีมาใช้สุนัขในการก่อเหตุแทน ซึ่งเคยใช้สุนัขในการก่อเหตุมาแล้วหลายตัว ด้วยวิธีการแบบเดียวกับการอุ้มลูก โดยปล่อยสุนัขวิ่งเล่นภายในร้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ บางครั้งก็จะใช้วิธีการสั่งซื้อสินค้าครั้งละมากๆ เพื่อให้ผู้เสียหายวุ่นวายกับการจัดของ ก่อนฉวยโอกาสผู้เสียหายเผลอขโมยทรัพย์สิน ก่อเหตุโดยเฉลี่ย 10 ครั้ง ใน 1 เดือน ต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปี ตามพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และ ภาคตะวันออก ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาจะนำไปจำนำหรือขาย เพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน

สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายสงสัยว่าเหตุใดผู้ต้องหา สามารถก่อเหตุแล้วลอยนวลได้นานกว่า 15 ปี พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า ผู้ต้องหาใช้ใบขับขี่และบัตรประชาชนของบุคคลอื่นที่หน้าตาคล้ายกัน และใช้ชื่อของบุคคลอื่น ในการแสดงตัวทุกครั้งที่ถูกตำรวจเรียกตรวจ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าใช่บัตรจริงหรือบัตรปลอม รวมทั้งยังย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ อาทิ รถยนต์ บ้านและห้องเช่าก็จะใช้ชื่อของบุคคลอื่นทำธุรกรรมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบว่าคนร้ายได้นำทรัพย์สินที่ได้มากว่า 10 ล้านบาท ไปใช้และเก็บไว้ที่ใด โดยใช้กฎหมายปราบปรามการฟอกเงินเข้าไปตรวจสอบ เพื่อนำกลับมาคืนให้กับผู้เสียหาย  พร้อมขยายผลตรวจสอบเครือญาติที่ช่วยพาผู้ต้องหาหลบหนีอีกด้วย ส่วนลูกสาวและสุนัขที่ผู้ต้องหานำไปใช้ตระเวนก่อเหตุนั้นตอนนี้อยู่ในความดูแลของญาติ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]