กรุงเทพฯ 28 ส.ค.- “ธรรมนัส” ขอเลื่อนให้ปากคำคดีโกงบิทคอยน์ ขณะที่ตำรวจ เตรียมแจ้งข้อหา พ่อ- แม่ บูมนักแสดงหนุ่ม หลังผลสอบเชื่อรู้เห็นกับการทำทำความผิด
พันตำรวจเอกชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า นายธรรมนัส หรือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส่งทนายความขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำในฐานะพยานในคดีโกงเงินบิทคอยน์ ออกไปเป็นวันที่ 12 กันยายน เวลา 10 นาฬิกา เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดพะเยา ซึ่งตำรวจก็อนุญาตตามที่นายธรรมนัสร้องขอมา ซึ่งจากการสืบสวน พบข้อมูลนายธรรมนัส เข้าไปเกี่ยวข้อง กับนายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาคนสำคัญ ที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยนายปริญญา ได้นำเงินที่ได้จากการโกงเงินบิทคอยน์ จำนวน 125 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นของบริษัทนายธรรมนัส แต่ระหว่างนั้นเกิดปัญหาบางอย่าง นายปริญญาจึงโอนหุ้น ให้นายนาธรรมนัส แทน
ส่วนการสอบปากคำนางเลิศฉัตรกมล และนายสุวิทย์ จารวิจิต พ่อและแม่ของนายปริญญา และนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน คดีโกงเงินบิทคอยน์จาก นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ จากการสอบปากคำเมื่อวานนี้นางเลิศฉัตรกมล ยอมรับว่ามีการเปิดบัญชีหลายบัญชี เพื่อให้นายปริญญา ลูกชายใช้ทำธุรกรรมทางการเงิน และสามารถโอนเงินเข้าออกได้ ตลอดเวลาโดยนายปริญญาเคยโอนเงินเข้าบัญชีรวมกว่า 100 ล้านบาท และได้โอนต่อให้นายสุวิทย์ สามี จำนวน 55 ล้านบาท นอกจากนี้นายปริญญา ยังเคยโอนเงินออกจากบัญชี ไปเข้าบัญชีที่เปิดใหม่ภายในวันเดียวกันถึง 4 บัญชี ยอดรวมกว่า 67 ล้านบาท ซึ่งลูกชายอ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจ และที่ต้องโอนเงินเข้าออกหลายบัญชี เพื่อให้มีรายการเดินบัญชีที่ดี สร้างเครดิตในอนาคต ส่วนนายสุวิทย์ ซึ่งมีอายุมากให้การว่าไม่ทราบรายละเอียด
รองผู้บังคับการกองปราบ ระบุอีกว่า โดยพฤติกรรมแม่ย่อมทราบว่าลูกชายประกอบอาชีพอะไร ทำธุรกิจอะไร การรับโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้ ย่อมควรจะทราบว่าเป็นเงินที่ผิดปกติ เชื่อว่าพยานหลักฐานขณะนี้ เพียงพอที่จะให้ดำเนินคดีกับ พ่อแม่นายบูมได้ โดยพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เมื่อ มีความชัดเจนเรื่องข้อหาความผิด จะแจ้งดำเนินคดีในภายหลัง
ส่วนวันพรุ่งนี้ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก 5 คน ในคดี ดังกล่าวมารับทราบข้อหาร่วมกันฉ้อโกง คือนายปริญญา จารวิจิต /นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม /นายธนสิทธิ์ จารวิจิต น้องชายของนายปริญญา /นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด และ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย เนื่องจากพบข้อมูล ทั้ง 5 คน มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการหลอกลวง ผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนบิทคอยน์.-สำนักข่าวไทย