ปิดคดีฆ่า 2 ศพ เขาชีจรรย์

22 ส.ค. – คดีฆาตกรรมโหด 2 ศพ ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี พบว่ามีการควบคุมผู้ต้องหาตามหมายจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทั้ง 10 คน แบ่งเป็น 2 ทีม คือ ทีมสังหาร และทีมพาหลบหนี ส่วนอาวุธปืนที่ใช้มี 4 กระบอก


ผู้ต้องหาในคดีนี้แยกได้ 2 ทีม คือ ทีมสังหาร และทีมพาหลบหนี ทีมสังหารประกอบด้วย นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” ผู้บงการ นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ “บ่าว” มือปืน นายกฤษณะ สีสุข หรือ “มด” คนสะกดรอย นายสายันต์ ศรีสุข หรือ “ยันต์” ผู้ส่งสัญญาณชี้เป้า นายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ “บอล” คนขับรถ และนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ “ป๊อบปี้” คนสะกดรอย


ส่วนทีมพา “เสี่ยอ้วน” หลบหนีมี 4 คน ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วเช่นกัน ประกอบด้วย นายนิเวศน์ ยิ่งดี, นายภูธร สิงห์ดี, นายโกวัน ศิลปาโน และนายวินัย ศิลปาโน ทีมสังหารถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน และร่วมกันพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุน โทษสูงสุดคือประหารชีวิต

ส่วน 4 คน ซึ่งเป็นทีมพาหลบหนี ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษหรือไม่ถูกจับกุม ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักข่าวไทยตรวจสอบพบว่า ระหว่างการแถลงข่าวตำรวจได้นำอาวุธปืน 4 กระบอก ที่ใช้ในปฏิบัติการสังหารที่เขาชีจรรย์ 2 กระบอกแรกเป็นปืนลูกโม่ ยี่ห้อสมิธ แอนด์ เวสสัน ขนาด .38 สเปเชียล และขนาด .357 magnum ซึ่งเป็นปืนที่ “เสี่ยอ้วน” ใช้ก่อเหตุ สอดคล้องกับข้อมูลในช่วงแรกที่เกิดคดีที่กลุ่มผู้ต้องหาซัดทอดว่า “เสี่ยอ้วน” ถือปืนลงมาจากรถ 2 กระบอก เพื่อกระหน่ำยิงผู้ตาย 


ส่วนปืนกระบอกที่ 3 เป็นปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อ เบเร็ตตา ที่นายเกียรติศักดิ์ หรือ “บอล” ใช้ก่อเหตุ แต่ยังไม่ชัดว่าใช้ยิงผู้ตายหรือเพียงแค่พกพาคุ้มกัน และกระบอกที่ 4 เป็นปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ75 ที่นายณรงค์ หรือ “บ่าว” ใช้ก่อเหตุ โดยทราบกันดีว่านายบ่าวเป็นผู้เหนี่ยวไกทูตสังหารร่วมกับ “เสี่ยอ้วน”. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย