นายกฯ ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาจังหวัดระนอง

ระนอง 20 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนจังหวัดระนอง ติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการขยายท่าเรือ เพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคอ่าวเบงกอล  ปัดสั่งแก้ปัญหาจราจรสำเร็จใน 3 เดือน แจงให้ส่งแผนการทำงาน  


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อพบปะประชาชนชี้แจงการทำงานและติดตามการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จุดแรกได้เดินทางไปศูนย์ราชการจังหวัดระนองเป็นสักขีพยาน มอบสมุดประจำตัว ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองลำเลียง – ละอุ่น เนื้อที่ 511,333 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน ตนมีความกังวลกับภาคการเกษตร ที่นับจากนี้ราคาสินค้าจะยิ่งลดลง จึงต้องมีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า และเชื่อมโยงเศรษฐกิจพัฒนาระบบโลจิสติกในพื้นที่ภาคใต้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ  การลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่มาดูติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาต่าง ๆ  ที่อยู่ในแผนและจัดอันดับความสำคัญ หากมีเหตุผลและความจำเป็นพร้อมอนุมัติ ซึ่งแผนการพัฒนาจังหวัดระนอง จะมีการขยายท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคอ่าวเบงกอล


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งทางราง นั้น  รถไฟไทยมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ขณะนี้รัฐบาลวางแผนทำรถไฟ ทั้งทางคู่ และพัฒนาต่อ ๆ ไป ให้ครบ 4,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ถือเป็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนรัฐบาลยุคก่อน ซึ่งมุ่งแจกจ่ายงบประมาณ จึงอยากฝากประชาชนติดตาม รัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ เพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง เป็นผู้ตรวจสอบรัฐบาลและเป็นเจ้าของประเทศ

นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่สื่อเสนอข่าวจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 3 เดือนว่า เป็นการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้หมายความว่าปัญหาจราจรจะแก้ให้สำเร็จได้ภายใน 3 เดือน แต่เป็นการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการนำเสนอแผนงานส่งมายังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการ 

“การแก้ปัญหาจราจรภายใน 3 เดือนข้อเท็จจริงไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาได้ เพราะผมไม่ใช่ตำรวจจราจร และปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่สะสมมานาน ในยุคก่อน ๆ ก็ทำกันไม่ได้ เพราะต้องบริหารจัดการด้านคมนาคมขนส่งของกรุงเทพฯ ทั้งระบบ ให้สามารถเชื่อมต่อกันให้ได้ด้วย ทั้งรถ เรือและราง ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาภายใน 3 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือคอซู้เจียง (เจ้าเมืองระนองคนแรก) ก็ทำไม่ได้ และผมคงไม่โง่ขนาดนั้นที่จะพูดไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทะเลาะกับใคร ยกเว้นมีใครมาทะเลาะกับตน  และการลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะถ้าหวังผลทางการเมือง คงลงพื้นที่ตั้งแต่ปีแรก ที่เข้ามาบริหารประเทศแล้ว เพียงแต่ในช่วงนั้นรัฐบาลต้องต่อสู้ และแก้ปัญหาความขัดแข้ง การประท้วง ของคนในประเทศ ดังนั้น ขออย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำตลอด 4 ปีที่ผ่านมาจะสูญเปล่า การเมืองต่อจากนี้ ต้องสร้างสรรค์ แม้จะแข่งขัน แต่ก็ต้องไม่ทำลาย ไม่เช่นนั้นปัญหาทุกอย่างจะกลับมาที่ตนอีก ที่สำคัญทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าคนจน คนรวย ตำรวจ หรือ ทหาร เพราะในประเทศมีทั้งคนดี และไม่ดี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ปัญหาเก่าดำเนินการแก้ไข แต่ของใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งในอนาคต ประชาชนจะต้องเลือก รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตามหลักที่ถูกต้อง และต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของพวกเขาเหล่านี้ด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยังบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียล  นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแช่เท้าในบ่อน้ำแร่และ ได้ทดลองเล่นโยคะบนลานปูนร้อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ในบางท่า ระหว่างเยี่ยมชมบ่อน้ำแร่ นางจันทรา ส่งสกุลชัย  นักร้องประจำจังหวัด ร้องเพลงประจำจังหวัดระนอง “พิมานทอง” ให้กับนายกรัฐมนตรี 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพดี และขอให้จังหวัดหาแนวทางพัฒนาบ่อน้ำร้อนสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ก่อนที่จะเดินมาพบกับเด็ก ๆ จากโรงเรียนเทศบาลเขานิเวศน์ และโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทารามตรี โดยตัวแทนนักเรียนได้มอบของที่ระลึกผ้าปาเต๊ะเมืองระนอง ฝากไปถึงนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ธาราบำบัดและคลินิกแพทย์แผนไทยและฝังเข็ม ของโรงพยาบาลระนอง ซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ และเป็นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลส่งเสริม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. มีกลุ่มญาติของนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง ผู้เสียชีวิตจากกรณีทะเลาะวิวาท ที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเมืองระนองเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาดักรอพบนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลระนอง เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปครบ 1 เดือน ทั้งที่มีคลิปภาพ บันทึกการกระทำอุกอาจ และ เห็นภาพผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ผู้เสียชีวิตไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และพยายามเข้าไปห้ามปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท  แม้ว่าก่อนหน้านี้บิดาของนายเทพฤทธิ์ จะเข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้า ที่ศาลากลางจังหวัดระนองไปแล้ว แต่กลุ่มญาติก็อยากจะขอโอกาส พบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคง พยายามเข้าเจรจา ขอให้กลุ่มญาติ รอกระบวนการตามขั้นตอนการยื่นเรื่องของศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งทางกลุ่มญาติก็ยินยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี.-สำนักข่าวไทย                     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย