นายกฯ ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาจังหวัดระนอง

ระนอง 20 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนจังหวัดระนอง ติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการขยายท่าเรือ เพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคอ่าวเบงกอล  ปัดสั่งแก้ปัญหาจราจรสำเร็จใน 3 เดือน แจงให้ส่งแผนการทำงาน  


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อพบปะประชาชนชี้แจงการทำงานและติดตามการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จุดแรกได้เดินทางไปศูนย์ราชการจังหวัดระนองเป็นสักขีพยาน มอบสมุดประจำตัว ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองลำเลียง – ละอุ่น เนื้อที่ 511,333 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน ตนมีความกังวลกับภาคการเกษตร ที่นับจากนี้ราคาสินค้าจะยิ่งลดลง จึงต้องมีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า และเชื่อมโยงเศรษฐกิจพัฒนาระบบโลจิสติกในพื้นที่ภาคใต้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ  การลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่มาดูติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาต่าง ๆ  ที่อยู่ในแผนและจัดอันดับความสำคัญ หากมีเหตุผลและความจำเป็นพร้อมอนุมัติ ซึ่งแผนการพัฒนาจังหวัดระนอง จะมีการขยายท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคอ่าวเบงกอล


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งทางราง นั้น  รถไฟไทยมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ขณะนี้รัฐบาลวางแผนทำรถไฟ ทั้งทางคู่ และพัฒนาต่อ ๆ ไป ให้ครบ 4,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ถือเป็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนรัฐบาลยุคก่อน ซึ่งมุ่งแจกจ่ายงบประมาณ จึงอยากฝากประชาชนติดตาม รัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ เพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง เป็นผู้ตรวจสอบรัฐบาลและเป็นเจ้าของประเทศ

นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่สื่อเสนอข่าวจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 3 เดือนว่า เป็นการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้หมายความว่าปัญหาจราจรจะแก้ให้สำเร็จได้ภายใน 3 เดือน แต่เป็นการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการนำเสนอแผนงานส่งมายังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการ 

“การแก้ปัญหาจราจรภายใน 3 เดือนข้อเท็จจริงไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาได้ เพราะผมไม่ใช่ตำรวจจราจร และปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่สะสมมานาน ในยุคก่อน ๆ ก็ทำกันไม่ได้ เพราะต้องบริหารจัดการด้านคมนาคมขนส่งของกรุงเทพฯ ทั้งระบบ ให้สามารถเชื่อมต่อกันให้ได้ด้วย ทั้งรถ เรือและราง ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาภายใน 3 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือคอซู้เจียง (เจ้าเมืองระนองคนแรก) ก็ทำไม่ได้ และผมคงไม่โง่ขนาดนั้นที่จะพูดไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทะเลาะกับใคร ยกเว้นมีใครมาทะเลาะกับตน  และการลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะถ้าหวังผลทางการเมือง คงลงพื้นที่ตั้งแต่ปีแรก ที่เข้ามาบริหารประเทศแล้ว เพียงแต่ในช่วงนั้นรัฐบาลต้องต่อสู้ และแก้ปัญหาความขัดแข้ง การประท้วง ของคนในประเทศ ดังนั้น ขออย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำตลอด 4 ปีที่ผ่านมาจะสูญเปล่า การเมืองต่อจากนี้ ต้องสร้างสรรค์ แม้จะแข่งขัน แต่ก็ต้องไม่ทำลาย ไม่เช่นนั้นปัญหาทุกอย่างจะกลับมาที่ตนอีก ที่สำคัญทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าคนจน คนรวย ตำรวจ หรือ ทหาร เพราะในประเทศมีทั้งคนดี และไม่ดี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ปัญหาเก่าดำเนินการแก้ไข แต่ของใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งในอนาคต ประชาชนจะต้องเลือก รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตามหลักที่ถูกต้อง และต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของพวกเขาเหล่านี้ด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยังบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียล  นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแช่เท้าในบ่อน้ำแร่และ ได้ทดลองเล่นโยคะบนลานปูนร้อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ในบางท่า ระหว่างเยี่ยมชมบ่อน้ำแร่ นางจันทรา ส่งสกุลชัย  นักร้องประจำจังหวัด ร้องเพลงประจำจังหวัดระนอง “พิมานทอง” ให้กับนายกรัฐมนตรี 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพดี และขอให้จังหวัดหาแนวทางพัฒนาบ่อน้ำร้อนสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ก่อนที่จะเดินมาพบกับเด็ก ๆ จากโรงเรียนเทศบาลเขานิเวศน์ และโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทารามตรี โดยตัวแทนนักเรียนได้มอบของที่ระลึกผ้าปาเต๊ะเมืองระนอง ฝากไปถึงนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ธาราบำบัดและคลินิกแพทย์แผนไทยและฝังเข็ม ของโรงพยาบาลระนอง ซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ และเป็นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลส่งเสริม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. มีกลุ่มญาติของนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง ผู้เสียชีวิตจากกรณีทะเลาะวิวาท ที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเมืองระนองเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาดักรอพบนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลระนอง เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปครบ 1 เดือน ทั้งที่มีคลิปภาพ บันทึกการกระทำอุกอาจ และ เห็นภาพผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ผู้เสียชีวิตไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และพยายามเข้าไปห้ามปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท  แม้ว่าก่อนหน้านี้บิดาของนายเทพฤทธิ์ จะเข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้า ที่ศาลากลางจังหวัดระนองไปแล้ว แต่กลุ่มญาติก็อยากจะขอโอกาส พบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคง พยายามเข้าเจรจา ขอให้กลุ่มญาติ รอกระบวนการตามขั้นตอนการยื่นเรื่องของศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งทางกลุ่มญาติก็ยินยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี.-สำนักข่าวไทย                     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบช.น.ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้คนจีนมีจริง-ตร.แค่เป็นวิทยากร

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้กับคนจีนมีจริง แต่เจ้าของโครงการ ไม่ใช่ตำรวจนครบาล 3 เพียงแต่ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรเท่านั้น ส่วนเจ้าของโครงการ เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี

ชายวัย 53 เมาคว้าปืนลูกซองยิงเพื่อนบ้านวัย 60 ดับ ฉุนฉลองปีใหม่

ชายวัย 53 ปี อารมณ์ร้อน คว้าปืนลูกซองยิงชายวัย 60 ปี เสียชีวิต ฉุนนั่งย่างเนื้อให้ลูกๆ ที่กลับมาเยี่ยมบ้านฉลองปีใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

นึกว่าแจกฟรี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เมืองเชียงใหม่

เอาใจสายเนื้อ ขึ้นเหนือไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านถนนราชดำเนิน กลางเมืองเชียงใหม่ ขายดิบขายดี นึกว่าแจกฟรี ลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด

ข่าวแนะนำ

กต.เผยเมียนมาปล่อยนักโทษไทย 152 คน-ไม่มี 4 ลูกเรือประมง

กระทรวงการต่างประเทศ เผยเมียนมาปล่อยตัวนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ยังไม่มี 4 ลูกเรือประมง ยืนยันพยายามอย่างเต็มที่

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท