นายกฯ ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาจังหวัดระนอง

ระนอง 20 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนจังหวัดระนอง ติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการขยายท่าเรือ เพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคอ่าวเบงกอล  ปัดสั่งแก้ปัญหาจราจรสำเร็จใน 3 เดือน แจงให้ส่งแผนการทำงาน  


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อพบปะประชาชนชี้แจงการทำงานและติดตามการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จุดแรกได้เดินทางไปศูนย์ราชการจังหวัดระนองเป็นสักขีพยาน มอบสมุดประจำตัว ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองลำเลียง – ละอุ่น เนื้อที่ 511,333 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน ตนมีความกังวลกับภาคการเกษตร ที่นับจากนี้ราคาสินค้าจะยิ่งลดลง จึงต้องมีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า และเชื่อมโยงเศรษฐกิจพัฒนาระบบโลจิสติกในพื้นที่ภาคใต้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ  การลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่มาดูติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาต่าง ๆ  ที่อยู่ในแผนและจัดอันดับความสำคัญ หากมีเหตุผลและความจำเป็นพร้อมอนุมัติ ซึ่งแผนการพัฒนาจังหวัดระนอง จะมีการขยายท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคอ่าวเบงกอล


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งทางราง นั้น  รถไฟไทยมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ขณะนี้รัฐบาลวางแผนทำรถไฟ ทั้งทางคู่ และพัฒนาต่อ ๆ ไป ให้ครบ 4,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ ถือเป็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนรัฐบาลยุคก่อน ซึ่งมุ่งแจกจ่ายงบประมาณ จึงอยากฝากประชาชนติดตาม รัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ เพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง เป็นผู้ตรวจสอบรัฐบาลและเป็นเจ้าของประเทศ

นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่สื่อเสนอข่าวจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 3 เดือนว่า เป็นการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตนไม่ได้หมายความว่าปัญหาจราจรจะแก้ให้สำเร็จได้ภายใน 3 เดือน แต่เป็นการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการนำเสนอแผนงานส่งมายังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการ 

“การแก้ปัญหาจราจรภายใน 3 เดือนข้อเท็จจริงไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาได้ เพราะผมไม่ใช่ตำรวจจราจร และปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่สะสมมานาน ในยุคก่อน ๆ ก็ทำกันไม่ได้ เพราะต้องบริหารจัดการด้านคมนาคมขนส่งของกรุงเทพฯ ทั้งระบบ ให้สามารถเชื่อมต่อกันให้ได้ด้วย ทั้งรถ เรือและราง ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาภายใน 3 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือคอซู้เจียง (เจ้าเมืองระนองคนแรก) ก็ทำไม่ได้ และผมคงไม่โง่ขนาดนั้นที่จะพูดไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทะเลาะกับใคร ยกเว้นมีใครมาทะเลาะกับตน  และการลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะถ้าหวังผลทางการเมือง คงลงพื้นที่ตั้งแต่ปีแรก ที่เข้ามาบริหารประเทศแล้ว เพียงแต่ในช่วงนั้นรัฐบาลต้องต่อสู้ และแก้ปัญหาความขัดแข้ง การประท้วง ของคนในประเทศ ดังนั้น ขออย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำตลอด 4 ปีที่ผ่านมาจะสูญเปล่า การเมืองต่อจากนี้ ต้องสร้างสรรค์ แม้จะแข่งขัน แต่ก็ต้องไม่ทำลาย ไม่เช่นนั้นปัญหาทุกอย่างจะกลับมาที่ตนอีก ที่สำคัญทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าคนจน คนรวย ตำรวจ หรือ ทหาร เพราะในประเทศมีทั้งคนดี และไม่ดี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ปัญหาเก่าดำเนินการแก้ไข แต่ของใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งในอนาคต ประชาชนจะต้องเลือก รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตามหลักที่ถูกต้อง และต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของพวกเขาเหล่านี้ด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปยังบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียล  นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแช่เท้าในบ่อน้ำแร่และ ได้ทดลองเล่นโยคะบนลานปูนร้อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ในบางท่า ระหว่างเยี่ยมชมบ่อน้ำแร่ นางจันทรา ส่งสกุลชัย  นักร้องประจำจังหวัด ร้องเพลงประจำจังหวัดระนอง “พิมานทอง” ให้กับนายกรัฐมนตรี 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพดี และขอให้จังหวัดหาแนวทางพัฒนาบ่อน้ำร้อนสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ก่อนที่จะเดินมาพบกับเด็ก ๆ จากโรงเรียนเทศบาลเขานิเวศน์ และโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทารามตรี โดยตัวแทนนักเรียนได้มอบของที่ระลึกผ้าปาเต๊ะเมืองระนอง ฝากไปถึงนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ธาราบำบัดและคลินิกแพทย์แผนไทยและฝังเข็ม ของโรงพยาบาลระนอง ซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ และเป็นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลส่งเสริม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. มีกลุ่มญาติของนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง ผู้เสียชีวิตจากกรณีทะเลาะวิวาท ที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเมืองระนองเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาดักรอพบนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลระนอง เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปครบ 1 เดือน ทั้งที่มีคลิปภาพ บันทึกการกระทำอุกอาจ และ เห็นภาพผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ผู้เสียชีวิตไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และพยายามเข้าไปห้ามปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท  แม้ว่าก่อนหน้านี้บิดาของนายเทพฤทธิ์ จะเข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้า ที่ศาลากลางจังหวัดระนองไปแล้ว แต่กลุ่มญาติก็อยากจะขอโอกาส พบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคง พยายามเข้าเจรจา ขอให้กลุ่มญาติ รอกระบวนการตามขั้นตอนการยื่นเรื่องของศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งทางกลุ่มญาติก็ยินยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี.-สำนักข่าวไทย                     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย