กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือจากอิทธิพลของพายุ “ราอี” ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้แม่น้ำสายหลักโดยเฉพาะแม่น้ำยมมีปริมาณน้ำจำนวนมากและไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดเช้าวันนี้ (19 ก.ย.) วัดระดับน้ำที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ ได้ 21.86 เมตร (รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.34 เมตร (ตลิ่งสูง 26.20 เมตร(รทก.)) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,155 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) แนวโน้มระดับน้ำยังคงสูงขึ้น
นายทองเปลว กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมากขึ้น กรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำ โดยใช้พื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท รับน้ำส่วนหนึ่งเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกตามศักยภาพที่สามารถรับน้ำได้ ซึ่งจะไม่ให้กระทบต่อพื้นที่การเกษตร พร้อมกับควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบัน (19 ก.ย.) มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา คือ พื้นที่ตำบลบางหลวงโดด อำเภอบางบาล และพื้นที่ตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณด้านท้ายของแม่น้ำน้อยด้วย
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าปริมาณน้ำยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกคันกั้นน้ำเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งและเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย .-สำนักข่าวไทย