12-17 ส.ค. 61 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น

กรุงเทพฯ 12 ส.ค.- ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ระบุ 12-17 ส.ค. 61 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้นฝนยังตกหนัก 


ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ สรุปสถานการณ์น้ำและพื้นที่เสี่ยงสำคัญ วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2561 ณ เวลา 07.00 น. ว่า  ในช่วงระหว่างวันที่ 12-17 ส.ค. 61 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก และในช่วงวันที่ 13-14 ส.ค. 61 พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

สำหรับสถานการณ์น้ำมีดังนี้  ลุ่มน้ำเพชรบุรี มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนแก่งกระจาน และไหลผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี มีแนวโน้มลดลงตามการระบายน้ำจากเขื่อน แต่ยังคงมีระดับสูง แม่น้ำสายสำคัญ : ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีระดับน้ำน้อย ภาคกลางและใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก แม่น้ำระหว่างประเทศ : แม่น้ำโขง ระดับน้ำลดลงปัจจุบันระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 


ด้านสถานการณ์ฝน  เมื่อเวลา 22.00 น. พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 สิงหาคม 2561 โดยจะส่งผลกระทบทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง 

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (04.00 น.) ฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคกลาง มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ภาคเหนือ เชียงราย 67.5 มิลลิเมตร น่าน 49.5 มิลลิเมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุบลราชธานี 61 มิลลิเมตร ภาคใต้ ระนอง 86 มิลลิเมตร พังงา 47.5 มิลลิเมตร 

ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มีจำนวน 4 แห่ง ดังนี้


เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำ 728 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 102 % ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 12.77 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบายออกวันละ 15.20  ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทานได้ติดตั้งกาลักน้ำ จำนวน 15 ชุด เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำออกจากอ่างฯ น้ำล้นทางระบายน้ำ (Spillway) สูง 41 ซม. (เมื่อวาน 49 ซม.) แนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างลดลง และจากการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ อาจมีฝนตกมากขึ้นส่งผลให้น้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ยังอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ระดับน้ำท้ายเขื่อน บริเวณ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 1.03 ม. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 156.15 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 162.80 ลบ.ม./วินาที) ทำให้พื้นที่ริมสองฝั่งลำน้ำในบริเวณ อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง และอ.บ้านแหลม ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมมีแนวโน้มทรงตัว การบริหารจัดการน้ำ มีการตัดยอดน้ำก่อนผ่านเขื่อนเพชรโดยเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทาน และคลอง D9 ทำให้ระดับน้ำที่ อ.เมืองเพชรบุรีมีระดับลดลง ต่ำกว่าตลิ่ง 0.52 ม. (เมื่อวาน 0.50 ม.) แต่ยังต้องเฝ้าระวัง ทั้งนี้ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงที่อาจจะมีน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่และชุมชน จำนวน 31 เครื่อง (สำรอง 5 เครื่อง) ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในจุดที่มีการระบายน้ำได้ช้า จำนวน 38 เครื่อง (สำรอง 8 เครื่อง) เตรียมพร้อมยานพาหนะและเครื่องจักรกล เช่น รถขุดตัก จำนวน 20 คัน ประจำในพื้นที่เพื่อขุดเปิดทางน้ำ

การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ออกประกาศฉบับที่ 3/2561 (10 ส.ค.61) เรื่องสถานการณ์แม่น้ำเพชรบุรี 

เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำ 534 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 103 % ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 4.40 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 5.26 ล้าน ลบ.ม.  สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ยังคงปกติ คาดว่าจะไม่มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีน้ำล้นตลิ่ง การบริหารจัดการน้ำ ติดตั้งกาลักน้ำ 22 ชุด เพื่อช่วยเร่งระบาย การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ มีการแจ้งให้ติดตามสถานการณ์น้ำในจังหวัดสกลนคร บึงกาฬ นครพนม ซึ่งลำน้ำอูนและลำน้ำสงคราม ไหลผ่าน

เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีปริมาณน้ำ 7,555 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 85% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 50.66  ล้าน ลบ.ม. (แนวโน้มลดลง) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 42.77 ล้าน ลบ.ม. สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ จากการติดตามสภาพน้ำด้านท้ายน้ำไม่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ การบริหารจัดการน้ำ แผนการระบายน้ำอยู่ที่วันละ 43 ล้าน ลบ. ม. ตลอดเดือนสิงหาคมและกันยายน 2561 

การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ มีการแจ้งให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำแควน้อยให้ทราบถึงแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำ

เขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีปริมาณน้ำ 312 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 80% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 5.35 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 9.92 ล้าน ลบ.ม. สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ระดับน้ำในแม่น้ำปราณบุรีจะมีระดับค่อยๆสูงขึ้น ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำจากอัตราการระบายที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการน้ำ มีการเพิ่มการระบายน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำ/ลำน้ำ แม่น้ำสายสำคัญ  ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญลำน้ำสายหลักเพิ่มขึ้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่ฝนตกน้อยส่งผลให้แม่น้ำมูลตอนบนมีระดับน้ำน้อย  ภาคกลางและภาคใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก  ปัจจุบันมีน้ำล้นตลิ่งเล็กน้อยบริเวณลำน้ำเซบาย แม่น้ำชีตอนล่าง จ.ยโสธร ลำน้ำอูน และลำน้ำก่ำ จ.สกลนคร แม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี แม่น้ำเพชรบุรี อ.ท่ายาง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี แม่น้ำระหว่างประเทศ : แม่น้ำโขง มีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำที่ไหลจากประเทศจีนคงที่ มวลน้ำจากประเทศลาวไหลลงแม่น้ำโขงลดลง 

ด้านการติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีดังนี้  อ่างฯ ขนาดใหญ่+ กลาง : ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มี 50,039 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 71 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มี 3,083 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 60 รับน้ำได้อีก 22,922 ล้าน ลบ. ม. น้ำไหลเข้าอ่างฯ ( 14 ก.ค. – 11 ส.ค. 61) มีน้ำไหลเข้าอ่างฯขนาดใหญ่ รวมทั้งประเทศ 11,781 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็น ภาคเหนือ 3,604 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,716 ล้าน ลบ.ม. ภาคกลาง 288 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันตก 4,327 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออก 246 ล้าน ลบ.ม. และภาคใต้ 1,600 ล้าน ลบ.ม.

อ่างฯที่ความจุเกิน 100% ขนาดใหญ่ 2 แห่ง เขื่อนน้ำอูน (103%) เขื่อนแก่งกระจาน(102%) ขนาดกลาง 20 แห่ง (เพิ่มขึ้น 3 แห่ง) ซึ่งอยู่ใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 แห่ง (เพิ่มขึ้น 2 แห่ง) และภาคตะวันออก 3 แห่ง (เท่าเดิม) ภาคใต้  1 แห่ง (เพิ่มขึ้น 1 แห่ง)

อ่างเฝ้าระวัง (80-100%) ขนาดใหญ่ 4 แห่ง เขื่อนศรีนครินทร์ (87%) เขื่อนวชิราลงกรณ (85%) เขื่อนรัชชประภา (84%) เขื่อนปราณบุรี (80%) ขนาดกลาง 57 แห่ง ( ลดลง 1 แห่ง ) แยกเป็น ภาคเหนือ 5 แห่ง (เพิ่มขึ้น 1 แห่ง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 43 แห่ง (ลดลง 1 แห่ง) ภาคตะวันออก 5 แห่ง (เท่าเดิม) ภาคกลาง 1 แห่ง (เท่าเดิม) และภาคใต้ 3 แห่ง (ลดลง 1 แห่ง) พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วม : ริมแม่น้ำโขง ตั้งแต่ จ.เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี  : ริมน้ำเพชรบุรี บริเวณ อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี พื้นที่เฝ้าระวังจากการเร่งระบายน้ำ : อ่างฯขนาดใหญ่ที่มีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม 8 แห่งและอ่างฯที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนน้ำอูน รวมถึงอ่างขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีปริมาณน้ำ 100%  ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจัดทำแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่มีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ จัดทำมาตรการเตรียมความพร้อมลดความเสี่ยงอุทกภัย : กรณีการระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำและกรณีเขื่อนวิกฤติ สำรวจความแข็งแรงของเขื่อน และสร้างการรับรู้ภาคประชาชนต่อเนื่อง สทนช.ตั้งศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ จาก 9 หน่วยงานร่วมปฏิบัติงานตลอด 24 ชม.ณ อาคาร SWOC กรมชลประทาน สามเสน ตั้งแต่ 3 ส.ค. 61 

สำหรับประกาศศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ รวม 4 ฉบับ ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.61 ออกประกาศ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 3  สถานการณ์น้ำ จ.เพชรบุรี คาดการณ์ปริมาณฝนลดลงต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ส่งผลปริมาณน้ำผ่านทางระบายน้ำ และในแม่น้ำเพชรบุรีลดลง แต่ยังต้องบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง พร้อมปรับแผนเผชิญเหตุให้เหมาะสม ลดผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุด ฉบับที่ 4 เตือนอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากกว่า 80% เร่งพร่องน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนบน ตลอดจนตรวจสอบความมั่นคงของอาคาร รวมถึงประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้เสียหายรวมตัวถามความคืบหน้าซื้อขายทอง จากร้านดังแล้วไม่ได้ทอง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ผู้เสียหายกว่า 30 ราย บุกทวงถามความคืบหน้าคดีซื้อขายทอง จากร้านชื่อดังแล้วไม่ได้ทอง ยอดความเสียหายพุ่งกว่า 700 ล้านบาท พ้อเดือดร้อนอย่างหนัก ผู้เสียหายจากการซื้อขายทองคำรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 30 ราย จากการซื้อขายกับร้านทองชื่อดัง ย่านเยาวราช พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เข้าติดตามความคืบหน้าคดีฉ้อโกงซื้อขายทองคำ ที่ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง นายปานเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้รวมมูลค่าความเสียหายจาการซื้อขายทองคำกับร้านทองชื่อดัง พุ่งไปกว่า 700 ล้านบาทแล้ว โดยกลุ่มผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มที่ซื้อทอง กลุ่มที่ฝากเงิน และกลุ่มที่ซื้อทองและฝากเงิน นอกจากนี้จะยื่นคำร้องขอให้สอบสวนเพิ่มเติมสอบกับ 8 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและบริษัทในเครือ พิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัทดังกล่าว และต้องการให้ออกหมายจับผู้กี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากกลัวจะมีการหลบหนี ส่วนการอ้างโฆษณาว่า ร้านรับซื้อทองคำให้ราคาสูงกว่าร้านอื่น การซื้อขายแต่ไม่ได้ทอง มองว่ามีเจตนาชัดเจนอยู่แล้ว การอ้างขาดสภาพคล่อง แต่ยังเปิดแอปพลิเคชั่นให้ประชาชนมาซื้อขายทองคำต่อได้อย่างไร ส่วนที่ผ่านมาทางร้านมีความพยายามเคลียร์กับผู้เสียหายรายย่อย มีการจ่ายเงินคืนไปแล้วบางรายไม่ถึงล้านบาท และตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว มองว่าเป็นแทคติกที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงจากคดีอาญาเป็นคดีแพ่งแทน […]

ทรูประกาศชดเชยลูกค้าจากเหตุขัดข้อง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ทรูประกาศชดเชยสำหรับลูกค้า กรณีเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายในวันนี้ ทรูแจ้งว่าขออภัยเป็นอย่างยิ่งในเหตุขัดข้องของระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้น ขณะนี้บริการต่างๆ ทั้งวอยซ์และดาต้ากำลังกลับมาให้บริการเต็มประสิทธิภาพได้ในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ บริษัทขอชดเชยให้ผู้ใช้งานระบบรายเดือนและเติมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสาเหตุเครือข่ายขัดข้อง ทั้งนี้ ผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายทรูที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับ SMS แจ้งถึงรายละเอียดการชดเชยต่อไป โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของบริษัทได้เข้าพบ กสทช.เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งแนวทางในการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต. -511- สำนักข่าวไทย

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย

สุราษฎร์ธานี 22 พ.ค.- จับแล้ว! มือฆ่ารัดคอพยาบาลสาวเกาะสมุย ตร.เค้นสอบ สารภาพก่อเหตุจริงก่อนขโมยรถผู้ตายหนี ความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่าเปลือยพยาบาลสาววัย 36 ปี ในหอพัก 2 ชั้น พื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และขโมยรถยนต์ผู้เสียชีวิตไปด้วย ซึ่งผู้ต้องสงสัยคือแฟนของผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ห้องติดกับผู้เสียชีวิต โดยศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้ออกหมายจับนายสุวัฒน์ อายุ 30 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร ล่าสุด มีรายงานว่าชุดสืบสวน สภ.บ่อผุด สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เบื้องต้นรับว่า เป็นบุคคลตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ขับรถยนต์ของพยาบาลสาวไปจอดในห้างฯ และก่อเหตุฆ่าพยาบาลสาวก่อนขโมยรถยนต์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนถึงเหตุจูงใจ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำสายทะลักท่วมหลายชุมชน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

เชียงราย 24 พ.ค.-ฝนตกหนักเกือบทั้งคืน แม่น้ำสายทะลักท่วมหลายชุมชน อ.แม่สาย จ.เชียงราย กลางดึก บางจุดสูงถึง 1 เมตร ส่วนบริเวณใต้สะพานพรมแดนไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 น้ำล้นบิ๊กแบ็กทะลักท่วมชุมชนริมน้ำเช่นกัน ฝนตกหนักเกือบทั้งคืน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายสูงขึ้น จนล้นพนังกั้นน้ำเข้าท่วมหลายชุมชน เช่น บ้านถ้ำผาจม ตลาดสายลมจอย ตลาดน้อยเหมืองแดง ชุมชนเหมืองแดง ชุมชนไม้ลุงขน ชุมชนเกาะทราย โดยน้ำจากแม่น้ำสายได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นวงกว้าง บางจุดสูง 50 เซ็นติเมตร ถึง 1 เมตร น้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนกลางดึกแบบไม่ทันตั้งตัว หลายหลังเข้าท่วมภายในบ้าน จนต้องตื่นมาขนของมีค่าหนีน้ำกลางดึก ขณะที่บริเวณใต้สะพานพรมแดนไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ระดับน้ำในแม่น้ำสายสูงขึ้นจนล้นพนังกั้นน้ำจากกระสอบทรายบิ๊กแบ็คบนถนนลอดใต้สะพาน ทะลักไหลเข้าพื้นที่ชั้นในขยายเป็นวงกว้างออกไปหลายชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำสาย และเป็นพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วมอย่างหนักเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดระดับน้ำยังคงท่วมสูง และมีแนวโน้มว่าน้ำจะยังคงสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากพื้นที่ต้นน้ำในประเทศเมียนมาฝนยังตกหนัก.-สำนักข่าวไทย

เร่งระบายน้ำหลุมเสาเข็ม หากไม่มีฝนจะนำร่างขึ้นมาได้วันนี้

กทม. 24 พ.ค.-เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำออกจากหลุมเสาเข็ม และเพิ่มแผ่นชีทไพล์ชั้นที่ 4 คาดหากไม่มีฝน จะนำร่างคนงานขึ้นมาได้วันนี้ นายเพช็ร ภุมมา ผอ.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ให้ข้อมูลความคืบหน้า โดยเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามนำเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำออกจากหลุมเสาเข็ม เนื่องจากเมื่อวานฝนตกหนักทำให้มีน้ำท่วมภายในหลุมและบริเวณรอบ และทำให้แผ่นชิทไพล์ที่ทำไว้ 3 ชั้น แตก ในวันนี้จึงต้องกั้นใหม่เป็นชั้นที่ 4 โดยกั้นลึกกว่าเดิม 2 เมตรเป็น 9.5 เมตร จากเดิม 7.5 เมตร หากวันนี้ไม่มีฝนตกคาดว่าจะนำร่างขึ้นมาได้ โดยเมื่อวานนี้มีสัญญาณดี คือเจอถุงมือที่มีชิ้นเนื้อติดขึ้นมาด้วย แต่ยังไม่เจอร่างทั้งหมด แต่คาดว่าร่างจะอยู่ในกรอบที่เรากำหนดไว้ ถ้าวันนี้ไม่มีอุปสรรคอะไรก็จะสามารถนำร่างขึ้นมาได้ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเดินทางมาติดตามสภานการณ์ด้วย.-420.-สำนักข่าวไทย

เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 24 พ.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฉบับที่ 7 ทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก ถึง 27 พ.ค.นี้ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2568) ในช่วงวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2568 ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้วันที่ 24 พฤษภาคม 2568ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ […]

ศาลพิพากษาคดีแตงโม จบไหม… หรือไปต่อ ?

23 พ.ค. – วันนี้มีความเคลื่อนไหวของคดีที่หลายๆ คนติดตามกัน คือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ที่ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้อง หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปอีก จะจบลงแค่นี้หรือไม่ ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย