ลพบุรี 8 ส.ค.-ตำรวจไล่จับรถพ่วงแหกด่าน 5 อำเภอ 2 จังหวัด ระยะทางกว่า 70 กม. สุดท้ายจนมุมที่เกาะกลาง สารภาพหนีเพราะมีคดีค้างข้อหาขับเสพ และวันนี้เสพยาเข้าไปอีก จนหลอนคิดว่าตำรวจตั้งด่านจับ
ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม ลพบุรี วิทยุแจ้งสกัดรถบรรทุกพ่วง ทะเบียน 77-3044 และ 79-8341 กรุงเทพมหานคร ขับฝ่าแหกด่านตรวจที่หลักกิโลเมตรที่ 14 ต.ช่องสาริกา มุ่งหน้าเข้าเขต สภ.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี ตำรวจทางหลวง ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม และรถมูลนิธิฯ ขับติดตาม แต่ไม่สามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้ ขณะที่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวขับฝ่า สภ.พัฒนานิคม และ ด่าน สภ.โคกตูม มาแล้ว ระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร กำลังจะผ่านด่านตรวจตำรวจจราจรกลาง ที่ถนนพหลโยธิน เส้นทางสายลพบุรี–สระบุรี มุ่งหน้า อ.พระพุทธบาท
ตำรวจจราจรกลางพยายามใช้รถใหญ่ขวางการจราจร แต่รถบรรทุกพ่วงไม่ยอมหยุด กลับขับมาด้วยความเร็วสูง ไม่ลดคันเร่ง กลับเร่งเครื่องหลบหนีฝ่าด่านตำรวจจราจรกลางไปได้ จึงประสาน ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท ให้ใช้รถบรรทุกขวางทาง ปิดการจราจรให้ออกนอกเส้นทาง หรือใช้เส้นทางเลี่ยง โดยยังมีรถตำรวจ มูลนิธิฯ กว่า 20 คันไล่ตาม รถคันดังกล่าวซึ่งกำลังจะขับเข้า สภ.พระพุทธบาท เมื่อเห็นมีรถขวางทางจึงย้อนกลับเข้าเมืองลพบุรี สร้างความหนักใจให้ตำรวจที่พยายามประกาศออกไมล์ เปิดไซเรนให้หยุดรถ พยายามกันรถให้ออกนอกเส้นทาง และตั้งด่านสกัดบนถนนพหลโยธินขาเข้าเมืองลพบุรี
แต่เมื่อรถบรรทุกพ่วงเห็นด่านขนาดใหญ่ เปลี่ยนใจ ขับปาดหน้ารถบริษัทเสริมสุขที่มีนายเจษฎา ปลื้มอุรา อายุ 38 ปี และเพื่อนร่วมงานอีกคน ทำให้รถเสียหาย คนบาดเจ็บ กระทั่งรถพ่วงปีนขึ้นฟุตปาทล้อหน้า-หลัง แตกละเอียด ตัวรถค้างบนถนนสองฝั่ง ตำรวจจึงกรูกันเข้าไปจับกุมนายเจษฐา คนขับพยายามเปิดประตูรถหนี มีอาการกระวนกระวาย คล้ายคนเสพยา สารภาพกับ พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ว่าหนีเพราะมีคดีค้างเก่า ข้อหาขับเสพ และได้ประกันตัวมาไม่นาน และวันนี้เสพยาเข้าไปอีก จนหลอนคิดว่าตำรวจตั้งด่านจับ ขับรถหนีแหกด่านสุดชีวิต ขณะเกิดเหตุโรงเรียนยังไม่เลิก การจราจรจึงไม่คับคั่ง พราะปกติเส้นทางนี้จะรถเยอะมาก จึงไม่มีใครบาดเจ็บเพิ่ม.-สำนักข่าวไทย