นครพนม 7 ส.ค.-ระดับแม่น้ำโขงช่วง จ.นครพนม ที่ขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี บวกกับปริมาณน้ำฝน และลำน้ำอูน ต้นน้ำจากสกลนครเข้าไปเติม ส่งผลให้ลำน้ำสงครามล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมบ้านปากอูน พื้นที่ลุ่มต่ำในเขต อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
ภายในคืนนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตั้งท่อสูบน้ำให้ครบ 25 ท่อ เพื่อระบายแบบกาลักน้ำออกจากเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ซึ่งเมื่อรวมช่องทางอาคารระบายน้ำและน้ำล้นปากกระโถน หรือสปิลเวย์ ออกไป จะสามารถระบายน้ำได้วันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเร่งพร่องน้ำไว้รองรับพายุลูกใหม่
จากเขื่อนน้ำอูน มวลน้ำจะไปตามลำน้ำอูน ไหลลงลำน้ำสงครามที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ก่อนที่ลำน้ำสงครามจะไหลไปบรรจบแม่น้ำโขงที่ปากน้ำไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวมระยะทาง 140 กิโลเมตร ระดับน้ำโขงปีนี้สูงสุดในรอบ 13 ปี ส่งผลให้แม่น้ำสงครามไหลลงสู่แม่น้ำโขงได้ช้า จุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำอูนและแม่น้ำสงครามที่บ้านปากอูน ตำบลและอำเภอศรีสงคราม จึงเกิดน้ำล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตร 7 หมู่บ้าน กว่า 2,000 ไร่ และท่วมที่อยู่อาศัยของชาวบ้านปากอูน 26 หลังคาเรือน
ระดับน้ำปีนี้เป็นรองเพียงปี 2538 ชาวบ้านปากอูนจึงเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 23 ปี นอกจากใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก สัญจรได้เฉพาะทางเรือแล้ว หลายครอบครัวมีอาชีพประมง ก็ไม่สามารถหาปลาได้อย่างที่เคยเป็น
หลังน้ำทะลักเข้าท่วมที่อยู่อาศัย หน่วยงานราชการเข้ามาให้ความช่วยเหลือเป็นระยะ แต่ยายคนนี้ขอติงเรื่องการไม่แจ้งเตือนให้ชาวบ้านเตรียมขนย้ายสัมภาระ ทำให้สิ่งของเสียหายไปกับน้ำหลายอย่าง
ปกติบ้านท่าบ่อ 2 หมู่ มีครัวเรือนถูกน้ำท่วมซ้ำซากเพียง 13 หลัง ตัวเลข 150 หลังคาปีนี้ จึงถือว่าน้ำมากเป็นพิเศษในรอบกว่า 20 ปี ชาวบ้านบอกว่า ปีนี้มีฝนตกชุกหนาแน่น สอดคล้องข้อมูลอุตุนิยมวิทยานครพนมที่เปรียบเทียบปริมาณฝนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เลย 2,000 มิลลิเมตรไปแล้ว ส่วนปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน มีปริมาณฝนราว 1,600 มิลลิเมตร
2 วันก่อน ระดับน้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนมขึ้นสูงสุด 12.46 เมตร สายวันนี้ลดลงเหลือ 12.09 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 91 เซนติเมตร ซึ่งหากแม่น้ำโขงลดลงต่อเนื่อง ไม่มีน้ำเข้ามาเติมมาก จะทำให้แม่น้ำสงครามไหลลงสะดวกขึ้น เจ้าหน้าที่ชลประทานจังหวัดนครพนมคาดว่า สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายภายใน 1-2 สัปดาห์
สำหรับภาพรวมทั้งจังหวัดมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 10 อำเภอ จากทั้งหมด 12 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 30,000 ครัวเรือน พื้นที่เกษตรเสียหายเกือบ 200,000 ไร่.-สำนักข่าวไทย