สธ.3 ส.ค.-แพทย์เตือนระวังออฟฟิศซินโดรม กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนที่ทำงานในออฟฟิศ ส่งผลให้เกิดโรคและอาการผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย ทั้งระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบการย่อยอาหาร หัวใจและหลอดเลือด นัยน์ตาและการมองเห็น
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คืออาการที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน ไม่มีการออกกำลังกายเป็นประจำและมีสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสมการระบายอากาศไม่ดี จึงส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ รวมไปถึงการปวดหลังเรื้อรังจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน และหากมีความเครียดจะส่งผลให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น เช่น เป็นไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดตา หน้ามืด เป็นต้น
นอกจากนี้อาการอาจรุนแรงจนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท นอกจากนี้กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ยังรวมไปถึงระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เนื่องจากการทำงานอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ซึ่งวนเวียนอยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย
ทางด้าน นพ.สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวว่า แนวทางการดูแลรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม คือ การรักษาตามอาการอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงปรับเปลี่ยนอิริยาบถ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีความรุนแรงมากขึ้น อาจให้ยาบรรเทาอาการหรือได้รับการผ่าตัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ในทางการแพทย์ปัจจุบันมีทั้งการผ่าตัดเพื่อรักษาที่สาเหตุของโรคหรือให้ยาบรรเทาอาการทั้งในรูปแบบการฉีดยาหรือรับประทานยา เนื่องจากกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม การป้องกันสามารถทำได้ โดย 1.การทำความสะอาดออฟฟิศ หากใช้พรมปูพื้นควรทำความสะอาดพรมอย่างน้อยทุกเดือน
2.การทำงานกับคอมพิวเตอร์ควรพักสายตา เปลี่ยนอิริยาบถ พักเบรกยืดเส้นยืดสายระหว่างการทำงาน โดยลุกขึ้นยืนเดินไปมา 3.ไม่ควรถ่ายเอกสารในออฟฟิศ ควรตั้งเครื่องถ่ายไว้ภายนอก 4.ดูแลเครื่องปรับอากาศโดยการล้างไส้กรองอากาศบ่อยๆ 5.ทำงานในสถานที่ มีแสงสว่างเพียงพอ อุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เย็นหรือร้อนเกินไป .-สำนักข่าวไทย