กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – รัฐบาลเปิดศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำร่วมกับ 9 หน่วยงาน ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุม “ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และกรมประชาสัมพันธ์
นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า สทนช.ได้ออกคำสั่งที่ 216/2561 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เรื่อง จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต” ขึ้น เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีน้ำหลาก ประกอบกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางหลายแห่ง มีปริมาณน้ำมากกว่าเกณฑ์ควบคุมที่กำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการดำเนินการเชิงป้องกัน และไม่ให้เกิดความเสียหายที่เกิดจากน้ำ ทั้งลุ่มน้ำภายในประเทศ และลุ่มน้ำระหว่างประเทศ ให้เป็นเอกภาพในการอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้เปิดศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง โดยอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี
สำหรับการทำงานของศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต ซึ่งมีนายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และมีผู้แทนจาก 9 หน่วยงานเข้าร่วม ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งผู้แทนหน่วยงานข้างต้นเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจแทนหน่วยงานได้ ร่วมปฏิบัติการที่ศูนย์ฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้ (3 ส.ค.61) เป็นต้นไป โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน สามเสน เป็นศูนย์ปฏิบัติการชั่วคราว
โดยทุกหน่วยงานจะร่วมบูรณาการข้อมูล ทั้งการคาดการณ์แก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ 1. เพื่อติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการน้ำ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะรวมข้อมูลน้ำทั่วประเทศจากทุกหน่วยงาน มาประมวลผลเป็นข้อมูลเดียวกันใช้กับทุกหน่วยงาน 2. กำหนดเกณฑ์โค้งปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ (Reservoir Operation Rule Curves) สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง เพื่อใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จะพิจารณาเกณฑ์ควบคุมตอนบน (Upper Rule Curve) เพื่อควบคุมระดับน้ำตอนบนที่กำหนดไว้ไม่ให้มีระดับน้ำสูงเกินกว่าเกณฑ์ระดับควบคุมตอนบน เพื่อรองรับปริมาตรน้ำที่จะไหลลงอ่างฯ 3. พร่องน้ำจากอ่างฯ ที่เกินเกณฑ์ระดับควบคุมตอนบน (Upper Rule Curve) ให้อยู่ในเกณฑ์ภายใน 5 วัน และ 4. การอำนวยการ กำกับ ประสาน และติดตาม แผนการเตรียมความพร้อมการรับมือน้ำหลาก ปี 61 โดยเฉพาะการพร่องน้ำ การระบายน้ำ การชดเชยเยียวยา และการแจ้งข้อมูลข่าวสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ จะรายงานความก้าวหน้าเป็นประจำทุกวันต่อรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ) และนายกรัฐมนตรี ให้ทราบเป็นระยะ เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจในเชิงนโยบายกรณีเกิดภาวะวิกฤตด้วย – สำนักข่าวไทย