เชียงใหม่ 24 พ.ค. – “อนุทิน” กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยทันที ด้านสถานการณ์น้ำท่วม อ.แม่สาย ถนนบางส่วนได้รับความเสียหาย ทุกหน่วยสนธิกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือเพื่อติดตามการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า จากการที่มีฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลัน เมื่อช่วงเวลา 02.00 น. วันนี้ ซึ่งมวลน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำสาย ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย
“ได้รับรายงานจาก นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ร่วมกับหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายว่า พื้นที่ อ.แม่สาย ขณะนี้ มีพื้นที่ถนนบางส่วนได้รับความเสียหาย แต่หน่วยงานทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ระดมบิ๊กแบ็คเข้าควบคุมสถานการณ์แล้ว แต่ด้วยขณะนี้กำลังทหารกรมการทหารช่างอยู่ระหว่างการก่อสร้างคันระบายน้ำพื้นที่ชุมชนอำเภอแม่สาย ที่จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 68 นี้ จึงทำให้การระบายน้ำยังทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่เมื่อคันระบายน้ำที่กำลังก่อสร้างแล้ว จะทำให้การระบายน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในระยะต่อไป” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในระยะนี้จนถึงวันที่ 27 พ.ค. 68 ในพื้นที่เชียงรายรวมถึงอีก 51 จังหวัดทั่วประเทศ จะมีฝนตกต่อเนื่อง จึงขอกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมาก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดสถานการณ์ ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน
ทั้งเรื่องศูนย์พักพิงที่ถูกสุขลักษณะ พร้อมประสานผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วนได้เร่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถใช้อำนาจตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ซึ่งตนได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนการทำงานของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการใช้ดุลยพินิจเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังตามกฎหมาย และหากสถานการณ์รุนแรงก็จะต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบกฎหมาย.-319-สำนักข่าวไทย