“ประเสริฐ” รองนายกฯ ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ SWOC

กรมชลประทาน 2 ก.ค.-“ประเสริฐ” รองนายกฯ ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ SWOC เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน เน้นการทำงานแบบบูรณาการ ประสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายที่พร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ชั้น 3 อาคาร 99 ปี หม่อมหลวง ชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน เขตดุสิต โดยมีนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมชลประทาน ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน หนองคาย สกลนคร บึงกาฬ นครพนมและ มุกดาหาร เข้าร่วมประชุมออนไลน์ผ่านทางระบบ Video Conference ด้วย


นายประเสริฐ กล่าวก่อนเปิดการประชุมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในช่วงฤดูฝน ซึ่งปีนี้คาดว่าฝนจะมาเร็วกว่าปกติ ขณะนี้ได้เริ่มมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย หนองคาย บึงกาฬ และหนองบัวลำภู ที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีฝนตกมากในหลายพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่ำ สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับประชาชนอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ประชาชนในไทยเกิดความวิตกกังวล อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ก็สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง


“รัฐบาลจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานมีแผนเผชิญเหตุที่ชัดเจน และสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที” นายประเสริฐกล่าว

ด้านกรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการ วิเคราะห์ วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน รวมทั้งปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 68 ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบอย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทาน ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยทั่วประเทศรวม 1,652 จุด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ และเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถบรรทุก และเครื่องจักรอื่นๆ ไว้ประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายและข้อสั่งการว่า ในปีนี้จังหวัดและหน่วยงานมีการเตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี แต่สิ่งสำคัญที่อยากเน้นคือเรามีบทเรียนที่อำเภอแม่สาย ให้ทุกหน่วยงานถอดบทเรียนตรงนี้แล้วนำมาปรับใช้ในการรับมือให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ตามบริบทของแต่ละจังหวัด และเน้นให้ทุกหน่วยงานมีการทำงานในลักษณะในเชิงบูรณาการร่วมกันมีการประสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายที่พร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สำหรับแนวทางและนโยบายให้หน่วยงานรับไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1. การเตือนภัย ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และ GISTDA ร่วมกันติดตาม คาดการณ์การก่อตัวของพายุหรือร่องมรสุมหรือสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งพยากรณ์อากาศล่วงหน้า (ระยะสั้น ระยะปานกลาง) คาดการณ์พื้นที่ฝนตกหนักถึงหนักมาก การประเมินพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอุทกภัย ออกประกาศคำเตือนภัยล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและเตรียมการรับมือได้อย่างทันท่วงที และให้ตรวจสอบระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) ให้พร้อมใช้งาน รวมถึงเตรียมระบบสำรองในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้ง ให้กรมทรัพยากรธรณีติดตามและประเมินสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยจากดินโคลนถล่ม แผ่นดินไหว อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการข้อมูลการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งสื่อสารสร้างการรับรู้ความเสี่ยงภัยให้กับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์พิบัติภัยได้อย่างทันท่วงที


2.การเตรียมพื้นที่รับมือภัยพิบัติ ให้กรมชลประทาน ร่วมกับจังหวัดในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจและเร่งรัดดำเนินการรื้อสิ่งปลูกสร้างกลางลำน้ำที่ขวางทางน้ำเพื่อให้นำไหลได้สะดวก พร้อมทั้งให้ประสานหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเพื่อบูรณาการในการเร่งรัดขุดลอกแม่น้ำสายต่าง ๆ และให้กองทัพบก กองทัพเรือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธรณภัย ดำเนินการและสนับสนุนกำลังคน อากาศยาน เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักรกลหนัก รถยนต์ เรือยาง และอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อเตรียมการสำหรับการเข้าพื้นที่ได้ทันท่วงที และให้กรมชลประทานตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ให้พร้อมใช้งาน และประสานงานเพื่อสนับสนุนทรัพยากรให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เรือตรวจการณ์ เสบียงอาหารสัตว์ ถุงยังชีพสัตว์ เมล็ดพันธุ์พืช หัวเชื้อจุลินทรีย์ และชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืช พร้อมกับให้จังหวัด และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยไว้ล่วงหน้า พร้อมทั้งให้มีการดำเนินซักซ้อมทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด จัดเตรียมพื้นที่สถานที่สำหรับการอพยพประชาชนมายังที่ปลอดภัย จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดเตรียมสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ น้ำ อาหารแห้ง เครื่องดื่ม จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน หน่วยรักษาพยาบาลไว้หากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจะได้พร้อมให้การช่วยเหลือได้ทันที พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่และประสานงานกับมูลนิธิต่าง ๆ จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือเพื่ออำนวยความสะดวกให้สามารถเข้ามาสนับสนุนและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองก่อสร้างคันกั้นน้ำริมตลิ่งในจุดวิกฤติตามแผนแก้ไขปัญหาระยะกลางโดยเร็ว และให้กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ใช้กลไกต่าง ๆ เพื่อเจรจากับรัฐบาลเมียนมาเพื่อแก้ไขปัญหาการชะล้างดินตะกอนที่เกิดขึ้นจากการเปิดเหมืองและการปนเปื้อนของสารพิษโดยเร็วที่สุด

3.การประชาสัมพันธ์ ให้จังหวัด กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ทบทวนแผนการปฏิบัติและการสื่อสารประชาสัมพันธ์การให้ข้อมูลผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) โดยร่วมกับการแจ้งเตือนในรูปแบบอื่นๆ ตลอดเวลาหากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดขึ้นให้รีบแจ้งเตือนประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างทันท่วงที ได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนรับรู้สามารถเตรียมการ พร้อมรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤตให้มีความชัดเจน ลดความสับสน ป้องกันการเกิด Fake News รวมทั้งการประสานเครือข่ายอาสาสมัครแจ้งเตือนภัยในพื้นที่ รวมทั้ง ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรธรณี เผยแพร่องค์ความรู้และสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย และช่องทางการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐโดยกำชับให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสาให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบให้เพียงพอและมีมาตรฐาน

4.การฟื้นฟู ช่วยเหลือเยียวยา ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับจังหวัดจัดทำข้อมูล สำรวจพื้นที่ บ้านเรือน ทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายเพื่อประเมินและ เร่งจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยและวาตภัย รวมถึงให้จังหวัดในพื้นที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จิตอาสา ภาคเอกชน มูลนิธิต่าง ในการร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการล้างทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ที่สาธารณประโยชน์ และสถานที่ราชการในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติและสำรวจความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านเรือนที่พักอาศัยพื้นที่การเกษตร ที่สาธารณประโยชน์ เพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพปกติ และให้ความช่วยเหลือตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วนอกจากนั้น ให้จังหวัดบูรณาการกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิต่าง ๆ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือลงพื้นที่ตามแผนเผชิญเหตุ ด้านการช่วยเหลือ การพยาบาลและการบรรเทาทุกข์โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่บนดอย หรือพื้นที่ห่างไกลจากชุมชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย