พาณิชย์เชื่อตลาดเมียนมาโอกาสสินค้าไทยเจาะตลาดอีกมาก

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์แนะเอกชนตลาดเมียนมายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก รวมถึงตลาดเพื่อนบ้านภายในกลุ่มอาเซียน ย้ำนโยบายรัฐมาทุกทางจะสร้างมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น


นาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงานเสวนา “จัดทัพธุรกิจไทยไปเมียนมา”จัดโดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในเชิงลึกเกี่ยวกับช่องทางการขยายธุรกิจ   ทั้งการค้าการลงทุนไปยังตลาดเมียนมา  หลังจากคณะทำงานสานพลังประชารัฐด้านการส่งออกและการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ (ประชารัฐ D4) จะเห็นได้ว่าการทำงานของภาครัฐและภาคเอกชนมีการบูรณาการและผนึกกำลังกันอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันเสริมกำลังให้ทัพนักธุรกิจ SMEs ไทย เกิดความมั่นใจและมีความพร้อมในการออกไปสู่สนามแข่งขันในเวทีโลก

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม หรือ CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพและมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการค้าระหว่างกันของไทยกับ CLMV ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (2554-2558) ขยายตัวดีมากเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 12.6 ต่อปี โดยไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศนี้ประมาณร้อยละ 10 ของการส่งออกทั้งหมด โดยมีสินค้าสำคัญ อาทิ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และวัสดุก่อสร้าง


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเมียนมา ไทยส่งออกไปเมียนมาเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปี 2559 ขยายตัวร้อยละ 2.2 ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าหรือ JTC ไทย-เมียนมา  ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะผลักดันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน เป็น 10,000-12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 และจะร่วมมือยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ ผ่านการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของแม่สอด-เมียวดี ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนของทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ เมียนมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางการค้ากับไทยสูงมาก เนื่องจากภาคการผลิตของเมียนมายังมีประสิทธิภาพไม่มากนักและพึ่งพาการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ และในสายตาของชาวเมียนมาสินค้าไทยมีคุณภาพ รูปลักษณ์สวยงามและทันสมัย เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่างจีนและเวียดนาม อีกทั้งยังมองว่าสินค้าไทยเป็นสินค้าระดับบน ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และบุคลิกให้แก่ผู้ใช้ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สินค้าไทยเป็นสินค้าลำดับต้นๆ ที่ครองใจผู้บริโภคชาวเมียนมามาได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเมื่อประกอบกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องแล้ว สินค้าไทยก็ยังมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตลาดเมียนมาได้เพิ่มขึ้นอีกในระยะยาว การค้าส่วนใหญ่เป็นการค้าชายแดนโดยผ่านด่านต่างๆ ทั้งจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว และจุดผ่อนปรน ที่ติดกับ 10 จังหวัดชายแดนของไทย นอกจากนั้นภายใต้กลยุทธ์ Strategic Partnership ไทยยังสามารถใช้เมียนมาเป็นประตูสู่อินเดียและเอเชียใต้ได้ นับเป็นโอกาสที่น่าสนใจของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนและขยายช่องทางการค้าและบริการไปเมียนมาเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.