แจ้งวัฒนะ21ก.ค.- ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ ออกจากเรือนจำแล้วเช้านี้ หลังครบกำหนดโทษจำคุก 1 เดือน คดีแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ เผยชีวิตเรือนจำดีแต่ไม่อยากกลับไปอีก เตรียมไปกินอาหารทะเล สูดอากาศบริสุทธิ์ ส่วนอนาคตงานด้านสื่อมวลชน คุยกันวันจันทร์
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้ต้องขังในคดีแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 เดือน ออกจากเรือนจำแล้ว เมื่อเช้าวันนี้ (21 ก.ค.) เวลา 08.00 น. หลังครบกำหนดโทษตามคำพิพากษา รับโทษจำคุกตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน -21 กรกฎาคม 2561
นายชูวิทย์ เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังพ้นโทษว่า ระยะเวลา 1 เดือนที่เข้ามาดูงานข้างใน ขอบคุณสื่อมวลชนที่มาในวันนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ต้อง โทษอยู่ในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ทุกคนดีมาก ต้องขอบคุณผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทันฑ์ แพทย์ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์
ส่วนอนาคตจะดำเนินอย่างไรต่อไป ในวันจนทร์นี้จะพูดคุยกัน เนื่องจากดูงานในเรือนจำมา 1 เดือนเหนื่อย จึงต้องขอตัวไปพักก่อน
สำหรับตน 1 เดือนถือว่าปกติ เพราะเคยติดมาแล้ว ส่วนสุขภาพระหว่างอยู่ข้างในดีมาก เพราะได้กินเป็นเวลา ออกกำลังกาย ซึ่งอยู่ข้างนอกคงไม่เป็นแบบนี้ เช่นเดียวกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ เวลาอยู่ในเรือนจำก็มักแข็งแรง เพราะไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ได้ดื่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสได้เจออดีตพระผู้ใหญ่ที่อยู่ในเรือนจำหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้เจอหลายคน แต่ฝากบอกอดีตพุทธะอิสระ ว่าไม่ต้องกลัวตนไม่สบายก็ให้ไปหาหมอ เห็นตนแล้วไม่ยอมออกมา ยืนอยู่ข้างในศักดิ์ศรีทุกคนเท่ากันหมด เป็นนักโทษเหมือนกัน ตำแหน่งอะไรก็ต้องวางไว้ที่หน้าประตู เข้าไปข้างในเป็นนักโทษเหมือนกันหมด ไม่มีชนชั้น
เมื่อถามว่าการอยู่ในเรือนจำครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า ไม่แตกต่างเพราะคุกก็คือคุกที่มีไว้ขังอิสรภาพ แต่มารอบนี้ถือว่าดีและเรียบร้อยขึ้น อันนี้ที่ชมไม่ได้เอาใจใคร เพราะตนก้าวออกมาแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะเขียนหนังสือ 30 วันในคุกเล่ม 2 แต่คิดว่าคงพอแล้ว เพราะเล่มแรกขายดีแล้ว
ส่วนการทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการต้องขอบคุณทางต้นสังกัด ส่วนจะกลับไปทำหรือไม่ต้องว่ากันวันจันทร์นี้ แต่วันนี้อยากไปหาอาหารทะเลกินก่อน อยากไปสูดอากาศดีๆ เพราะข้างในค่อนข้างแน่น หวังว่าตนคงจะไม่กลับมาที่เรือนจำอีก และไปยืนฝั่งสื่อมวลชนแทนฝั่งของตนที่ยืนในขณะนี้
ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปจังหวัดเชียงราย ในฐานะสื่อมวลชน แต่อยู่ข้างในเรือนจำก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด ถ้ามีโอกาส อยากทำหน้าที่สื่อเหมือนเดิม ประสบการณ์ที่มีจะเก็บไว้ให้ลูกหลานฟัง
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเพราะมีคนเข้าเรือนจำหลายครั้งมากกว่าตนก็มี อย่างนายจตุพร 4 รอบแล้ว แต่ตนเองแค่รอบ 3 พร้อมย้ำว่ายึดนโยบาย “สู้ ติดแน่ แพ้ ติดนาน” แทนที่ศาลจะลงโทษ 2 เดือน ก็ลงโทษเดือนเดียว เพราะรับสารภาพ มองว่าโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในเรื่องการรายงานบัญชีทรัพย์สินผิดนั้นมีอยู่แล้ว เนื่องจากตนเองทรัพย์สินเยอะ แต่ถ้าผิดพลาดแล้วยอมรับไม่ต้องใช้ทนาย ศาลก็จะให้ความยุติธรรม
ขณะที่นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ลูกชายนายชูวิทย์ที่มารอรับหน้าเรือนจำ กล่าวว่า ภูมิใจที่พ่อรับสารภาพ ออกมาครั้งนี้ต้องคอยดูว่าพ่อจะทำอะไร บ้าง แต่ส่วนตัวขอให้พ่อไม่ต้องติดคุกอีกก็พอแล้ว ส่วนจะพาพ่อไปพักผ่อนที่ไหนหลังจากนี้ พ่อบอกว่าอยากไปทะเลและเมืองที่หนาว ก็จะพาพ่อไปเที่ยวเมืองนอก .-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2018/07/1532141225967.jpg)
![](https://imgs.mcot.net/images//2018/07/1532145981254.jpg)
![](https://imgs.mcot.net/images//2018/07/1532145981248.jpg)