fbpx

ลุยตรวจสอบนอมินีเน้น 2 จังหวัดทางใต้

นนทบุรี 18 ก.ค. – อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สั่งตรวจสอบนอมินี ในเดือน ส.ค. เน้นลงพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยว เช่น ประจวบคีรีขันธ์ และล้งผลไม้ที่ชุมพร ย้ำพบผิดดำเนินคดีตามกฎหมายทันที


นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการตรวจสอบการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวทำธุรกิจต้องห้ามหรือธุรกิจที่ต้องขออนุญาตโดยเลี่ยงกฎหมายว่า ในเดือน ส.ค. 2561 กรมฯจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีในหลายจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะตรวจสอบธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร บริษัททัวร์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เพราะธุรกิจเหล่านี้ เป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว หรือเป็นธุรกิจที่คนต่างด้าวหากจะทำธุรกิจในไทย ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542


อย่างไรก็ตาม ยังกำหนดลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้ประกอบการรวบรวมคัดแยกบรรจุและส่งออกผลไม้ (ล้ง) ที่จ.ชุมพร เพราะขณะนี้ผลไม้ภาคใต้ได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้ว โดยจะตรวจสอบว่าล้งในพื้นที่ทำธุรกิจผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 หรือไม่ เพราะตามกฎหมาย ห้ามคนต่างด้าวขายผลผลิตสินค้าเกษตรในไทย ทำได้แค่เพียงซื้อจากชาวสวนแล้วส่งออกเท่านั้น รวมถึงจะตรวจสอบด้วยว่ามีคนไทยเป็นนอมินีหรือไม่ เพื่อให้สามารถขายสินค้าเกษตรในไทยได้ ซึ่งที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อตรวจสอบนอมินีในธุรกิจที่มีความเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยตรวจสอบแทบจะทุกเดือน ซึ่งหากพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายนอมินี ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งส่งให้กรมสรรพากร และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการเสียภาษี

ทั้งนี้ โดยขั้นตอนการตรวจสอบนอมินีของกรมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน (มิ.ย.2561) ได้ตรวจสอบไปแล้ว 2,136 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยอยู่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของไทย เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น โดยในจำนวนนี้ พบมีพฤติกรรมเข้าข่ายนอมินี 34 ราย ได้ส่งฟ้องดำเนินคดี และส่งให้กรมสรรพากร และป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการเสียภาษีแล้ว ส่วนอีก 1,783 ยุติเรื่อง เพราะไม่พบเป็นนอมินี อีก 298 ราย ส่งดำเนินคดี เพราะในระหว่างการตรวจสอบ กรมฯ ได้ขอข้อมูลทางบัญชี แต่บริษัทไม่ให้ความร่วมมือ จึงถือว่ามีความผิด และดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนสารวัตรบัญชี แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบความเป็นนอมินี และอีก 21 ราย พบไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้ โดยความผิดกรณีใช้ตัวแทนอำพราง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำและปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง