fbpx

ย้อนวันปฏิบัติการดีเดย์ พาหมูป่า 4 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง (8 ก.ค.)

เชียงราย 9 ก.ค. – เปิดปฏิบัติการพา 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวง สรุปดีเดย์วันแรก (8 ก.ค.) พาหมูป่าออกมาสู่โลกภายนอกได้ 4 คน เหลืออีก 9 คน เตรียมวางแผนเดินหน้าปฏิบัติการต่อเนื่อง


ความคืบหน้าการช่วยเหลือนำตัวทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี พร้อมโค้ชออกจากถ้ำ รวม 13 ชีวิต ประกอบด้วย 

1.นายเอกพล จันทะวงษ์ (เอก) อายุ 25 ปี โค้ชทีมฟุตบอล 


2.ด.ช.อดุลย์ สามออน (อดุลย์) อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเวียงพาน อ.แม่สาย 

3.ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม (โน๊ต) อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

4.ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทราย (เติ้ล) อายุ 14 ปี ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 


5.ด.ช.พิพัฒน์ โพธิ (นิค) อายุ 15 ปี โรงเรียนบ้านสันทราย 

6.ด.ช.ภานุมาศ แสงดี (มิกซ์) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

7.ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ (ดอม) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

8.ด.ช.ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง (ไตตั้น) อายุ 11 ปี โรงเรียนอนุบาลแม่สาย 

9.ด.ช.เอกรัตน์ วงค์สุขจันทร์ (บิว) อายุ 14 ปี โรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา 

10.นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ (ไนท์) อายุ 16 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

11.นายพรชัย คำหลวง (ตี๋) อายุ 16 ปี โรงเรียนบ้านป่ายาง 

12.ด.ช.สมพงศ์ ใจวงค์ (พงศ์) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

และ 13.ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม (มงคล) อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านป่าเหมือด 

เจ้าหน้าที่เริ่มปิดกั้นพื้นที่บริเวณหน้าวนอุทยานฯ แต่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนำสแลนมาปิด 2 ชั้น รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกประชุมหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องเป็นเวลานาน 6 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 06.50 น. เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ศอร.ได้แจ้งให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน รวมถึงสื่อมวลชนทั้งหมด ยกเว้นหัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับอนุญาตจาก ผบ.เหตุการณ์ และข้าราชการติดตามไม่เกิน 2 คน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการในการช่วยเหลือนักประดาน้ำและช่วยเหลือผู้ประสบภัยขนอุปกรณ์ ทีมรถพยาบาลที่จะเข้ามาสแตนด์บายในเต็นท์พยาบาล และรถพยาบาล 13 คัน ส่วนรถกู้ชีพกู้ภัยขอให้ออกนอกพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการ หลังจากนั้นมีรายงานว่า ได้มีการเรียกครอบครัวของทั้ง 13 ชีวิตเข้าหารือ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการเพื่อเดินหน้าปฏิบัติการ

จากนั้นผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นมีการระดมทีมนักประดาน้ำเพิ่มเติมเข้าไปในพื้นที่ที่กั้นสแลนสีเขียวไว้ เพื่อเดินหน้าปฏิบัติภารกิจพาหมูป่ากลับบ้าน ขณะที่สื่อมวลชนกำลังทยอยเก็บของออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยให้สื่อทั้งหมดย้ายไปทำการที่บ่ริเวณ อบต.โป่งผา

ทั้งนี้ แผนการพาตัวทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง นางณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศอร. แถลงในช่วงเวลา 10.30 น. ว่า วันนี้ถือว่าพีคสุด เป็นวันดีเดย์ปฏิบัติการ มีเจ้าหน้าที่ดำน้ำต่างประเทศ 13 คนเข้าไปปฏิบัติการช่วยเด็ก พร้อมด้วยซีลไทยอีก 5 คน โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงจะเริ่มพาเด็กออกมาได้ จึงจำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ให้เร็วที่สุด และคาดว่าเด็กคนแรกจะเดินทางออกจากถ้ำในเวลา 21.00 น. โดยแผนปฏิบัติการจะมีนักดำน้ำ 2 คนประกบดับเด็ก 1 คน ซึ่งนักดำน้ำจะแบกถังออกซิเจนของเด็กไว้ ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังจะคอยประคอง

ส่วนที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมือง จ.เชียงราย บนชั้น 8 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน 14 ชั้น ถูกกำหนดให้เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ ที่เตรียมรองรับโค้ชและทีมนักฟุตบอล 13 ชีวิต ที่จะถูกลำเลียงมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ดังนั้นในบริเวณชั้นดังกล่าวจึงเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มกำลัง แต่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคุมเข้มมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเริ่มมีสื่อมวลชนเข้ามารอติดตามทำข่าวบรรยากาศหน้าโรงพยาบาล โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลได้กำชับให้สื่อมวลชนที่ไปปักหลักรอทำข่าวให้ทราบว่าหากมีการลำเลียงเด็กเข้ามา ขอให้ไปอยู่ในจุดที่มีการซักซ้อมแผนลำเลียงกันไว้ คือให้สื่อมวลชนทุกสำนักไปอยู่บริเวณศาลาริมถนน ฝั่งตรงข้ามกับอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน และไม่ให้เข้ามาถ่ายภาพทำข่าวบริเวณตรงประตูทางขึ้นอาคารโดยเด็ดขาด เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสะดวก 

จากนั้นในช่วงเย็นที่ผ่านมา ปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กก็สำเร็จไปอีก 1 ขั้น โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่านักเตะทีมหมูป่าคนแรกถูกเคลื่อนย้ายออกจากถ้ำหลวง ในเวลา 17.08 น. จากนั้นได้นำตัวขึ้นรถพยาบาลไปที่ รพ.สนาม เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นนักเตะหมูป่าคนที่ 2 ได้ถูกนำตัวออกจาถ้ำ และมาที่ รพ.สนาม เพื่อปฐมพยาบาลเช่นกัน ก่อนที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยจะจับภาพรถพยาบาลแล่นออกจากหน้าถ้ำ และเลี้ยวออกไปทางลานจอดเฮลิคอปเตอร์บ้านจ้อง ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะยกตัวขึ้นสู่ฟากฟ้า และบินมุ่งหน้าไปยังสนามบินเก่าเพื่อลงจอด จากนั้นรถพยาบาลทั้งสองคัน ได้ลำเลียงทั้งสองคนเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อทำการรักษาและดูแลอาการเบื้องต้น 

หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 19.40 น. ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้รับแจ้งผ่านวิทยุสื่อสารว่าจะมีการลำเลียงนักเตะทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงเพิ่มเติม โดยสามารถจับภาพรถพยาบาลที่แล่นออกจากถ้ำหลวงอย่างช้าๆ จากนั้นได้แล่นไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ฝั่งผาหมี และยกตัวบินขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า จากนั้นไปลงจอดที่สนามบินเก่า โดยมีรถพยาบาลมารับช่วงต่อส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

และในเวลาไล่เลี่ยกัน รถพยาบาลอีกคันได้แล่นออกจากถ้ำหลวง จากนั้นได้ขับมุ่งหน้ามายังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์โดยตรง และเป็นนักเตะทีมหมูป่าคนที่ 4 ที่เดินทางถึงโรงพยาบาล 

เวลา 20.50 น. ที่ อบต.โป่งผา นายณรงค์ศักดิ์ แถลงความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ทั้งสภาพน้ำและอากาศ ซึ่งขั้นตอนของวันนี้คือ การกู้ภัย และส่งกลับ วันนี้ได้ส่งกลับแล้ว 4 คน ส่งไปที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์อย่างปลอดภัยทุกคน โดยเจ้าหน้าที่ดำน้ำ 13 คน เป็นผู้ดำลงไป 10 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค และมีหน่วยซีลอีก 5 คน นอกจากนี้ยังมีนักดำน้ำและผู้เชี่ยวชาญอีกทั้งหมด 90 คน โดย 50 คน เป็นต่างชาติ อีก 40 เป็นคนไทยมาปฏิบัติการร่วมกัน

สำหรับการพาน้องออกมาได้เอาน้องเกาะไว้ด้านล่างและใส่หน้ากากที่มีระบบเซฟตี้ แม้ในช่วงเช้ายืนยันว่าเข้าไปปฏิบัติการ 10.00 น. จะได้เห็นคนแรกออกมาประมาณ 21.00 น. แต่วันนี้ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด คนแรกออกมาตั้งแต่ 17.40 น. จากนั้นอีก 10-20 นาทีถัดมา (17.50 – 18.00 น.) คนที่ 2 ก็ออกมาแล้วส่งไปโรงพยาบาล ส่วนอีก 2 คนหลัง ออกมา 19.40 น. และ 19.50 น. อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประชุม จากนั้นจึงจะเริ่มปฏิบัติการต่อเมื่อมีความพร้อม เพราะต้องอัดอากาศและวางถังออกซิเจนใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 10 ชั่วโมง จึงจะเริ่มปฏิบัติการใหม่ แต่ภาพรวมวันนี้ราบรื่นมาก โดยการลำเลียงจากที่เกิดเหตุไปเฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาเพียง 2 นาที เป็นเพราะทุกฝ่ายร่วมมือกัน. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง