ย้อนวันปฏิบัติการดีเดย์ พาหมูป่า 4 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง (8 ก.ค.)

เชียงราย 9 ก.ค. – เปิดปฏิบัติการพา 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวง สรุปดีเดย์วันแรก (8 ก.ค.) พาหมูป่าออกมาสู่โลกภายนอกได้ 4 คน เหลืออีก 9 คน เตรียมวางแผนเดินหน้าปฏิบัติการต่อเนื่อง


ความคืบหน้าการช่วยเหลือนำตัวทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี พร้อมโค้ชออกจากถ้ำ รวม 13 ชีวิต ประกอบด้วย 

1.นายเอกพล จันทะวงษ์ (เอก) อายุ 25 ปี โค้ชทีมฟุตบอล 


2.ด.ช.อดุลย์ สามออน (อดุลย์) อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเวียงพาน อ.แม่สาย 

3.ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม (โน๊ต) อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

4.ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทราย (เติ้ล) อายุ 14 ปี ม.2 โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 


5.ด.ช.พิพัฒน์ โพธิ (นิค) อายุ 15 ปี โรงเรียนบ้านสันทราย 

6.ด.ช.ภานุมาศ แสงดี (มิกซ์) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

7.ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ (ดอม) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

8.ด.ช.ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง (ไตตั้น) อายุ 11 ปี โรงเรียนอนุบาลแม่สาย 

9.ด.ช.เอกรัตน์ วงค์สุขจันทร์ (บิว) อายุ 14 ปี โรงเรียนดรุณราษฎร์วิทยา 

10.นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ (ไนท์) อายุ 16 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

11.นายพรชัย คำหลวง (ตี๋) อายุ 16 ปี โรงเรียนบ้านป่ายาง 

12.ด.ช.สมพงศ์ ใจวงค์ (พงศ์) อายุ 13 ปี โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 

และ 13.ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม (มงคล) อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านป่าเหมือด 

เจ้าหน้าที่เริ่มปิดกั้นพื้นที่บริเวณหน้าวนอุทยานฯ แต่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนำสแลนมาปิด 2 ชั้น รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกประชุมหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องเป็นเวลานาน 6 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 06.50 น. เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ศอร.ได้แจ้งให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน รวมถึงสื่อมวลชนทั้งหมด ยกเว้นหัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับอนุญาตจาก ผบ.เหตุการณ์ และข้าราชการติดตามไม่เกิน 2 คน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการในการช่วยเหลือนักประดาน้ำและช่วยเหลือผู้ประสบภัยขนอุปกรณ์ ทีมรถพยาบาลที่จะเข้ามาสแตนด์บายในเต็นท์พยาบาล และรถพยาบาล 13 คัน ส่วนรถกู้ชีพกู้ภัยขอให้ออกนอกพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการ หลังจากนั้นมีรายงานว่า ได้มีการเรียกครอบครัวของทั้ง 13 ชีวิตเข้าหารือ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการเพื่อเดินหน้าปฏิบัติการ

จากนั้นผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นมีการระดมทีมนักประดาน้ำเพิ่มเติมเข้าไปในพื้นที่ที่กั้นสแลนสีเขียวไว้ เพื่อเดินหน้าปฏิบัติภารกิจพาหมูป่ากลับบ้าน ขณะที่สื่อมวลชนกำลังทยอยเก็บของออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยให้สื่อทั้งหมดย้ายไปทำการที่บ่ริเวณ อบต.โป่งผา

ทั้งนี้ แผนการพาตัวทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง นางณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศอร. แถลงในช่วงเวลา 10.30 น. ว่า วันนี้ถือว่าพีคสุด เป็นวันดีเดย์ปฏิบัติการ มีเจ้าหน้าที่ดำน้ำต่างประเทศ 13 คนเข้าไปปฏิบัติการช่วยเด็ก พร้อมด้วยซีลไทยอีก 5 คน โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงจะเริ่มพาเด็กออกมาได้ จึงจำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ให้เร็วที่สุด และคาดว่าเด็กคนแรกจะเดินทางออกจากถ้ำในเวลา 21.00 น. โดยแผนปฏิบัติการจะมีนักดำน้ำ 2 คนประกบดับเด็ก 1 คน ซึ่งนักดำน้ำจะแบกถังออกซิเจนของเด็กไว้ ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังจะคอยประคอง

ส่วนที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมือง จ.เชียงราย บนชั้น 8 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน 14 ชั้น ถูกกำหนดให้เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ ที่เตรียมรองรับโค้ชและทีมนักฟุตบอล 13 ชีวิต ที่จะถูกลำเลียงมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ดังนั้นในบริเวณชั้นดังกล่าวจึงเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มกำลัง แต่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคุมเข้มมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเริ่มมีสื่อมวลชนเข้ามารอติดตามทำข่าวบรรยากาศหน้าโรงพยาบาล โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลได้กำชับให้สื่อมวลชนที่ไปปักหลักรอทำข่าวให้ทราบว่าหากมีการลำเลียงเด็กเข้ามา ขอให้ไปอยู่ในจุดที่มีการซักซ้อมแผนลำเลียงกันไว้ คือให้สื่อมวลชนทุกสำนักไปอยู่บริเวณศาลาริมถนน ฝั่งตรงข้ามกับอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน และไม่ให้เข้ามาถ่ายภาพทำข่าวบริเวณตรงประตูทางขึ้นอาคารโดยเด็ดขาด เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสะดวก 

จากนั้นในช่วงเย็นที่ผ่านมา ปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กก็สำเร็จไปอีก 1 ขั้น โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่านักเตะทีมหมูป่าคนแรกถูกเคลื่อนย้ายออกจากถ้ำหลวง ในเวลา 17.08 น. จากนั้นได้นำตัวขึ้นรถพยาบาลไปที่ รพ.สนาม เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นนักเตะหมูป่าคนที่ 2 ได้ถูกนำตัวออกจาถ้ำ และมาที่ รพ.สนาม เพื่อปฐมพยาบาลเช่นกัน ก่อนที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยจะจับภาพรถพยาบาลแล่นออกจากหน้าถ้ำ และเลี้ยวออกไปทางลานจอดเฮลิคอปเตอร์บ้านจ้อง ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะยกตัวขึ้นสู่ฟากฟ้า และบินมุ่งหน้าไปยังสนามบินเก่าเพื่อลงจอด จากนั้นรถพยาบาลทั้งสองคัน ได้ลำเลียงทั้งสองคนเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อทำการรักษาและดูแลอาการเบื้องต้น 

หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 19.40 น. ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้รับแจ้งผ่านวิทยุสื่อสารว่าจะมีการลำเลียงนักเตะทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงเพิ่มเติม โดยสามารถจับภาพรถพยาบาลที่แล่นออกจากถ้ำหลวงอย่างช้าๆ จากนั้นได้แล่นไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ฝั่งผาหมี และยกตัวบินขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า จากนั้นไปลงจอดที่สนามบินเก่า โดยมีรถพยาบาลมารับช่วงต่อส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

และในเวลาไล่เลี่ยกัน รถพยาบาลอีกคันได้แล่นออกจากถ้ำหลวง จากนั้นได้ขับมุ่งหน้ามายังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์โดยตรง และเป็นนักเตะทีมหมูป่าคนที่ 4 ที่เดินทางถึงโรงพยาบาล 

เวลา 20.50 น. ที่ อบต.โป่งผา นายณรงค์ศักดิ์ แถลงความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ทั้งสภาพน้ำและอากาศ ซึ่งขั้นตอนของวันนี้คือ การกู้ภัย และส่งกลับ วันนี้ได้ส่งกลับแล้ว 4 คน ส่งไปที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์อย่างปลอดภัยทุกคน โดยเจ้าหน้าที่ดำน้ำ 13 คน เป็นผู้ดำลงไป 10 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค และมีหน่วยซีลอีก 5 คน นอกจากนี้ยังมีนักดำน้ำและผู้เชี่ยวชาญอีกทั้งหมด 90 คน โดย 50 คน เป็นต่างชาติ อีก 40 เป็นคนไทยมาปฏิบัติการร่วมกัน

สำหรับการพาน้องออกมาได้เอาน้องเกาะไว้ด้านล่างและใส่หน้ากากที่มีระบบเซฟตี้ แม้ในช่วงเช้ายืนยันว่าเข้าไปปฏิบัติการ 10.00 น. จะได้เห็นคนแรกออกมาประมาณ 21.00 น. แต่วันนี้ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด คนแรกออกมาตั้งแต่ 17.40 น. จากนั้นอีก 10-20 นาทีถัดมา (17.50 – 18.00 น.) คนที่ 2 ก็ออกมาแล้วส่งไปโรงพยาบาล ส่วนอีก 2 คนหลัง ออกมา 19.40 น. และ 19.50 น. อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประชุม จากนั้นจึงจะเริ่มปฏิบัติการต่อเมื่อมีความพร้อม เพราะต้องอัดอากาศและวางถังออกซิเจนใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 10 ชั่วโมง จึงจะเริ่มปฏิบัติการใหม่ แต่ภาพรวมวันนี้ราบรื่นมาก โดยการลำเลียงจากที่เกิดเหตุไปเฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาเพียง 2 นาที เป็นเพราะทุกฝ่ายร่วมมือกัน. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]