กรุงเทพฯ 7 ก.ค.- โฆษก กอ.รมน. ยืนยัน การแก้ไขปัญหา จชต. ก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมาย ให้มีสันติสุขเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้น การทำงานยึดคุณธรรมและความโปร่งใส
พล.ต. พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ชี้แจง กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนเบตง 61ที่บูรณาการขึ้นมาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ และงบประมาณไม่ถึงมือชาวบ้าน ว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กอ.รมน.ได้ยึดถือนโยบายของรัฐบาล , นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรอบในการดำเนินงาน และได้พัฒนาแผนงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด พร้อมกับได้มีการประเมินผลการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า พื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นพื้นที่ที่ได้ผ่านการประเมิน และมีการพิจารณาได้ข้อยุติร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ตัวชี้วัดที่กำหนด เช่น ความรุนแรง ความเคลื่อนไหว ความพร้อมของกำลังประจำถิ่น ความพึงพอใจของประชาชน และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลจึงได้มีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งแต่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้ กอ.รมน. เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. 61 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 61 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการดำเนินงาน ที่ได้ก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายให้มีสันติสุขเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กอ.รมน. ยังได้ดำเนินการพัฒนาส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการแก้ไขปัญหาความยากจน ด้วยการสนับสนุนและเพิ่มบทบาทของประชาชน ภาคประชาสังคม ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น เช่น การสนับสนุนส่งเสริมการรวมกลุ่มการเลี้ยงไก่เบตง , การเพาะเลี้ยงปลากือเลาะห์ , การเลี้ยงแพะดำ และการปลูกส้มโชกุน รวมถึง การสนับสนุนส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยว เช่น อุโมงค์ปิยะมิตร , สวนหมื่นบุปผา , ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และอุทยานแห่งชาติฮาลา-บาลา เป็นต้น ซึ่งเป็นการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนในรูปแบบของประชารัฐ ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีอาชีพ มีรายได้ อย่างเข้มแข็งมั่นคงและยั่งยืน
“การบริหารจัดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กอ.รมน. ได้ยึดถือนโยบายของ ผอ.รมน. ที่ให้ดำเนินงานอย่างมีคุณธรรมและโปร่งใส มีการปฏิบัติงานอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม มีมาตรการควบคุม และตรวจสอบในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ” พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย