ก.เกษตรฯ เตรียมประกาศเขตเกษตรเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – ก.เกษตรฯ เตรียมประกาศเขตเกษตรเศรษฐกิจ กำหนดพื้นที่เพาะปลูก ทำประมง และเลี้ยงสัตว์ ตามแผนการผลิตทางการเกษตรของประเทศ โดยให้ศึกษาความไปได้ในการใช้ พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงโดยระบุว่า ขณะนี้สั่งการให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ. 2522 ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะสามารถอาศัยอำนาจตามกฎหมายดังกล่าวประกาศเขตเกษตรเศรษฐกิจให้เกษตรกรเพาะปลูก ทำประมง และเลี้ยงสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในพื้นที่ที่มีปริมาณเหมาะสมและตามคุณภาพของดินได้หรือไม่ เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตสินค้าเกษตรล้นตลาดจนราคาตกต่ำ ได้แก่ ยางพารา สับปะรด กุ้งขาวแวนนาไม ที่ผ่านมาเมื่อเกษตรกรขาดทุนก็จะชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในรูปแบบจ่ายค่าชดเชย การประกันราคา การจำนำผลผลิตทางการเกษตร หรือรับซื้อในราคานำตลาด พบว่า บางปีใช้เงินช่วยเหลือสูงถึง 200,000 ล้านบาท

นายกฤษฎา กล่าวว่า มีนโยบายบริหารจัดการเกษตรกรรมแผนใหม่ โดยจะจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตรของประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการดูแลให้ปริมาณผลผลิตไม่ล้นเกินความต้องการบริโภคและสามารถคาดการณ์ผลผลิตทางการเกษตรที่ขาดแคลนได้ ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดแผนการผลิตทางการเกษตรดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว จึงสั่งการให้ข้าราชการที่รับผิดชอบผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ซึ่งเรียกว่ามิสเตอร์ เช่น มิสเตอร์ยางพารา มิสเตอร์สับปะรด มิสเตอร์กุ้งขาวแวนนาไม สำรวจและจัดทำข้อมูลผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลย้อนหลัง 3 ปี และคาดการณ์ผลผลิตในปีการผลิต 2561/2562 เพื่อเปรียบเทียบข้อมูล


นอกจากนี้ ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ ขอทราบความต้องการผลผลิตทางการเกษตรทั้งชนิดพืช ประมง และปศุสัตว์ทั้งข้อมูลปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ของทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ข้อมูลทั้งผลผลิตทางการเกษตรและความต้องการของตลาดนั้นจะนำมาจัดทำแผนการผลิตทางการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรทำตามแผนที่วางไว้ ทำให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรแต่ละชนิดในปริมาณที่เหมาะสมไม่ล้นตลาด รวมทั้งกำหนดพื้นที่ทำการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพดินและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันผลิตแบบแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุนการผลิต ปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรที่ตลาดยังขาดแคลน 

นายกฤษฎา กล่าวว่า รัฐจะจัดสวัสดิการให้เกษตรกรที่ทำตามแผนการผลิตทางการเกษตรเป็นการช่วยเหลือและคุ้มครองเมื่อผลผลิตเสียหายจากโรค แมลง หรือภัยธรรมชาติ แต่จะไม่คุ้มครองผู้ที่ไม่ทำการเกษตรตามแผนการผลิตที่กระทรวงแนะนำ ไม่สามารถเรียกร้องค่าชดเชยใด ๆ ได้  ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งหวังจะแก้ปัญหาการขาดทุนของเกษตรกรและส่งเสริมให้อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่ยั่งยืน โดยเร่งรัดให้ปลัดกระทรวงฯ ดำเนินการให้เสร็จในวันที่ 10 กรกฏาคมนี้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง