สปสช.22มิ.ย.-เปิดความสำเร็จในรอบ 10 ปี ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังได้รับการล้างไตทางช่องท้องทั่วประเทศ 2.5หมื่นคน สามารถไปทำงาน เรียนหนังสือและใช้ชีวิตได้ปกติ
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่ง ชาติ(สปสช.)ภาคีเครือข่ายผู้ป่วยโรคไตสถานบริการพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ ร่วมงาน 10 ปีความสำเร็จการล้างไตทางช่องท้อง โดย ศ.นพ.เกรียงศักดิ์ วารีแสงทิพย์ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เพื่อขอบคุณหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีส่วนร่วมประสานกลไกผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการ ที่ดีในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยไตวายเรื้อรังให้เข้าถึงการล้างไตทางช่องท้องที่ ขณะนี้มีผู้ป่วยได้รับการล้างไตทางช่องท้องทั่วประเทศเกือบ 25,000คน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.ปาฐกถาพิเศษ ว่า10 ปีที่ผ่านมาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของระบบการดูแลสุขภาพผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รวดเร็วและมีผลกระทบต่อสังคม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี โดยเฉพาะการบริหารจัดการระบบจากหลายภาคส่วน ทั้งมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลทุกระดับ เครือข่ายผู้ป่วย อาสาสมัครสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงบริษัทไปรษณีย์ไทย ที่เข้ามาร่วมระบบจัดส่งน้ำยาล้างไตทั่วประเทศ ทำให้การล้างไตทางช่องท้องที่เริ่มจากความไม่รู้ไม่เข้าใจผ่านมา 10 ปีเกิดความนิยม เพราะมีประสิทธิภาพที่ดีมีผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง เข้าถึงการล้างไตทางช่องท้องเกือบ 25,000คน ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถไปทำงานและเรียนหนังสือได้ใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตามในอนาคตมีความร่วมมือในการพัฒนาระบบล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องมือที่ ถูกวิจัยและพัฒนาโดย สวทช. เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง
“การดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีมิติมากกว่าแค่สุขภาพ ที่สำคัญคือ 10 ปีของความสำเร็จของการล้างไตทางช่องท้อง ผู้ทำงานต้องสามารถสื่อ ข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปได้ให้เกิดประโยชน์อย่างไรต่อผู้ป่วยและครอบครัวและในอนาคต ยังต้องประเชิญหน้ากับการทำงานที่ท้าทายต่อไป เช่น ต้องพัฒนาระบบ consult ผู้ป่วยผ่านโซเชียลมีเดียเช่นline เป็นต้น”นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
ภายในงานยังมีการมอบโล่ห์ให้องค์กรและบุคคล ที่มีส่วนพัฒนาและสนับสนุนให้ระบบ ล้างไตทางช่องท้องมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตทุกระยะว่า 80,000 คนได้เข้าถึงการรักษา.-สำนักข่าวไทย