พาณิชย์ส่งทีมเช็คปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสาร

นนทบุรี 22 มิ.ย. – พาณิชย์ส่งทีมตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสารในสตอกเอกชนทั่วประเทศ หลังข้าวในตลาดราคาลดลง และยังดูแลสินค้าเกษตรอีกหลายตัว ด้านนายกฯ สั่ง 3 กระทรวงวางแผนรับมือผลผลิตสินค้าเกษตร


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญราคาที่เกษตรกรขายได้จะปรับตัวขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจและตลาดโลก กระทรวงพาณิชย์จึงติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยสินค้าข้าว สถานการณ์การผลิต ปี 2561/2562 รอบที่ 1 เป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกอยู่ที่ 58.21 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีผ่านมามีพื้นที่ 53.48 ล้านไร่ หรือเพิ่มขึ้น 8.84% ซึ่งผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ส่วนรอบ 2 เป้าหมายพื้นที่เพาะปลูก 12.21 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมามีพื้นที่ 12.87 ล้านไร่ หรือลดลง 5.13%  เพื่อประเมินสถานการณ์ข้าวและใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการด้านการตลาด ฤดูกาลผลิต ปี 2561/2562 ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งจะมีการจัดประชุมวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ประกอบกับมีกระแสข่าวว่าผู้ส่งออกหยุดรับซื้อข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้การขนย้ายข้าวลงเรือเพื่อส่งออกล่าช้า ทำให้เกิดภาระสตอกข้าวของผู้ประกอบการ โดยกรมการค้าภายในจะเริ่มตรวจสอบปริมาณข้าวในสตอกของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออกที่ต้องดำรงสตอกตามกฎหมายและผู้ประกอบการโรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/2561 ด้านการตลาด รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/2561 เพื่อดึงอุปทานข้าวออกจากตลาดในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีและมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจำหน่ายปัจจุบัน (19 มิ.ย.61) ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนที่จะดำเนินโครงการ  (16 ต.ค.60) อาทิ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ปรับตัวสูงขึ้นจากตันละ 11,550 – 14,500 บาท เป็นตันละ 15,350 – 18,700 บาท  ข้าวเจ้า ปรับตัวสูงขึ้น จากตันละ 7,300 – 7,800 บาท เป็นตันละ 7,800 – 8,200 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคาข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกิน 15%)


ส่วนมันสำปะหลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2560/2561 ประมาณ 27.24 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 10.67 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหัวมันสด ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรบางพื้นที่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน เป็นต้น โดยผลผลิตออกมากเดือน ม.ค.-เม.ย.61 ประมาณ 16.20 ล้านตัน คิดเป็น 59.48% ของผลผลิตรวม ซึ่งขณะนี้มันสำปะหลังออกสู่ตลาด 91.75% สำหรับสถานการณ์ปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ผลผลิตอยู่ที่ 29.09 ล้านตัน โดยผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน ต.ค.61 เป็นต้นไป  โดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ได้แก่ พักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินและลดต้นทุน สนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมมันสำปะหลัง การสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการผลิตและ การแปรรูปในช่วงผลผลิตอออกสู่ตลาด จัดกิจกรรมขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลังในประเทศที่มีศักยภาพในการนำมันสำปะหลังไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้สถาบันเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน และส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังสู่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และกำหนดให้ผู้นำเข้ามันต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลการนำเข้า การประสานหน่วยงานประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับยกระดับคุณภาพมาตรฐานมันเส้น รวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสอบเพื่อป้องกันผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศ  

สำหรับสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดมีปัญหาด้านราคาที่อ่อนตัวลง ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของกรมการค้าภายใน พบว่า ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากผลผลิตเกินความต้องการใช้ และตลาดส่งออกชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ เช่น สับปะรด สุกร เป็นผลจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกและขยายการเลี้ยง เนื่องจากราคาเมื่อช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรหันมาเพิ่มการผลิต สำหรับกระเทียม เป็นปัญหาของผลผลิตที่ออกสู่ตลาดกระจุกตัวในช่วงสั้น ๆ ประกอบกับ ไม่สามารถแข่งขันกับกระเทียมนำเข้าที่มีราคาต่ำและกระเทียมลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกุ้ง ที่เป็นสินค้าส่งออกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ อินเดีย ที่ผลผลิตมีมากและส่งออกในราคาต่ำ ทำให้กุ้งไทยแข่งขันไม่ได้  


ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร กรมการค้าภายในได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการเพื่อช่วยยกระดับราคาให้เกษตรกร เช่น เพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยเร่งกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต ร่วมกับห้างค้าปลีกค้าส่ง ผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ คือ ปตท. บางจาก ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตลาดต้องชม รวมทั้งผู้ประกอบการที่ใช้ผลผลิตเหล่านี้เป็นวัตถุดิบให้ช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากปกติ เพื่อไปจำหน่ายหรือแปรรูป ร่วมกับกรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งด่านตรวจสอบหนังสืออนุญาตขนย้ายกระเทียมนำเข้า รวมทั้งให้ผู้นำเข้าสำแดงราคานำเข้าตามข้อเท็จจริงและออกสุ่มตรวจสอบการจำหน่ายในตลาดโดยเฉพาะแหล่งค้าส่งขนาดใหญ่ ตลอดจนสนับสนุนให้เกษตรกรชะลอการจำหน่าย โดยใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ที่เกษตรกรยืมมาใช้จ่ายในครัวเรือน 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผู้ส่งออกให้ส่งออกน้ำมันปาล์มส่วนเกินไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ ในปริมาณเพิ่มกว่าการส่งออกปกติ ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล จากบี 10 เป็น บี 20 โดยเริ่มต้นที่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อลดกระแสความกดดันด้านราคาขายผลปาล์มของเกษตรกร ทำให้ราคาผลปาล์มเริ่มขยับสูงขึ้นในทิศทางที่ดี รวมทั้งจัดให้มีการเจรจาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สับปะรดไปประเทศตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย โดยกรมการค้าภายในจะได้ติดตามสถานการณ์และประเมินผลมาตรการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณามาตรการอื่น ๆ เสริมให้การช่วยเหลือเกษตรกรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยไปประชุมร่วมกัน เพื่อวางแผนรับมือเกี่ยวกับผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มัน สับปะรด และอื่น ๆ เพื่อให้รู้ว่าปริมาณผลผลิตแต่ละปีเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร พร้อมทั้งจะต้องวางแผนส่งเสริมการเพาะปลูกไม่ให้เกินความต้องการเพื่อลดปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด ซึ่งจะมีการประชุม 3 หน่วยงานในวันที่ 28 มิถุนายนนี้กันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ