พาณิชย์ส่งทีมเช็คปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสาร

นนทบุรี 22 มิ.ย. – พาณิชย์ส่งทีมตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสารในสตอกเอกชนทั่วประเทศ หลังข้าวในตลาดราคาลดลง และยังดูแลสินค้าเกษตรอีกหลายตัว ด้านนายกฯ สั่ง 3 กระทรวงวางแผนรับมือผลผลิตสินค้าเกษตร


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญราคาที่เกษตรกรขายได้จะปรับตัวขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจและตลาดโลก กระทรวงพาณิชย์จึงติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยสินค้าข้าว สถานการณ์การผลิต ปี 2561/2562 รอบที่ 1 เป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกอยู่ที่ 58.21 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีผ่านมามีพื้นที่ 53.48 ล้านไร่ หรือเพิ่มขึ้น 8.84% ซึ่งผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ส่วนรอบ 2 เป้าหมายพื้นที่เพาะปลูก 12.21 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมามีพื้นที่ 12.87 ล้านไร่ หรือลดลง 5.13%  เพื่อประเมินสถานการณ์ข้าวและใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการด้านการตลาด ฤดูกาลผลิต ปี 2561/2562 ของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งจะมีการจัดประชุมวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ประกอบกับมีกระแสข่าวว่าผู้ส่งออกหยุดรับซื้อข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้การขนย้ายข้าวลงเรือเพื่อส่งออกล่าช้า ทำให้เกิดภาระสตอกข้าวของผู้ประกอบการ โดยกรมการค้าภายในจะเริ่มตรวจสอบปริมาณข้าวในสตอกของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออกที่ต้องดำรงสตอกตามกฎหมายและผู้ประกอบการโรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/2561 ด้านการตลาด รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/2561 เพื่อดึงอุปทานข้าวออกจากตลาดในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีและมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจำหน่ายปัจจุบัน (19 มิ.ย.61) ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนที่จะดำเนินโครงการ  (16 ต.ค.60) อาทิ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ปรับตัวสูงขึ้นจากตันละ 11,550 – 14,500 บาท เป็นตันละ 15,350 – 18,700 บาท  ข้าวเจ้า ปรับตัวสูงขึ้น จากตันละ 7,300 – 7,800 บาท เป็นตันละ 7,800 – 8,200 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคาข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกิน 15%)


ส่วนมันสำปะหลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2560/2561 ประมาณ 27.24 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 10.67 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหัวมันสด ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรบางพื้นที่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน เป็นต้น โดยผลผลิตออกมากเดือน ม.ค.-เม.ย.61 ประมาณ 16.20 ล้านตัน คิดเป็น 59.48% ของผลผลิตรวม ซึ่งขณะนี้มันสำปะหลังออกสู่ตลาด 91.75% สำหรับสถานการณ์ปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ผลผลิตอยู่ที่ 29.09 ล้านตัน โดยผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน ต.ค.61 เป็นต้นไป  โดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ได้แก่ พักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินและลดต้นทุน สนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมมันสำปะหลัง การสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการผลิตและ การแปรรูปในช่วงผลผลิตอออกสู่ตลาด จัดกิจกรรมขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลังในประเทศที่มีศักยภาพในการนำมันสำปะหลังไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังให้สถาบันเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน และส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังสู่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และกำหนดให้ผู้นำเข้ามันต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลการนำเข้า การประสานหน่วยงานประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับยกระดับคุณภาพมาตรฐานมันเส้น รวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสอบเพื่อป้องกันผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศ  

สำหรับสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดมีปัญหาด้านราคาที่อ่อนตัวลง ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดของกรมการค้าภายใน พบว่า ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากผลผลิตเกินความต้องการใช้ และตลาดส่งออกชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ เช่น สับปะรด สุกร เป็นผลจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกและขยายการเลี้ยง เนื่องจากราคาเมื่อช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรหันมาเพิ่มการผลิต สำหรับกระเทียม เป็นปัญหาของผลผลิตที่ออกสู่ตลาดกระจุกตัวในช่วงสั้น ๆ ประกอบกับ ไม่สามารถแข่งขันกับกระเทียมนำเข้าที่มีราคาต่ำและกระเทียมลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกุ้ง ที่เป็นสินค้าส่งออกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ อินเดีย ที่ผลผลิตมีมากและส่งออกในราคาต่ำ ทำให้กุ้งไทยแข่งขันไม่ได้  


ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร กรมการค้าภายในได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการเพื่อช่วยยกระดับราคาให้เกษตรกร เช่น เพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยเร่งกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต ร่วมกับห้างค้าปลีกค้าส่ง ผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ คือ ปตท. บางจาก ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตลาดต้องชม รวมทั้งผู้ประกอบการที่ใช้ผลผลิตเหล่านี้เป็นวัตถุดิบให้ช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากปกติ เพื่อไปจำหน่ายหรือแปรรูป ร่วมกับกรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งด่านตรวจสอบหนังสืออนุญาตขนย้ายกระเทียมนำเข้า รวมทั้งให้ผู้นำเข้าสำแดงราคานำเข้าตามข้อเท็จจริงและออกสุ่มตรวจสอบการจำหน่ายในตลาดโดยเฉพาะแหล่งค้าส่งขนาดใหญ่ ตลอดจนสนับสนุนให้เกษตรกรชะลอการจำหน่าย โดยใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ที่เกษตรกรยืมมาใช้จ่ายในครัวเรือน 

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผู้ส่งออกให้ส่งออกน้ำมันปาล์มส่วนเกินไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ ในปริมาณเพิ่มกว่าการส่งออกปกติ ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล จากบี 10 เป็น บี 20 โดยเริ่มต้นที่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อลดกระแสความกดดันด้านราคาขายผลปาล์มของเกษตรกร ทำให้ราคาผลปาล์มเริ่มขยับสูงขึ้นในทิศทางที่ดี รวมทั้งจัดให้มีการเจรจาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สับปะรดไปประเทศตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย โดยกรมการค้าภายในจะได้ติดตามสถานการณ์และประเมินผลมาตรการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณามาตรการอื่น ๆ เสริมให้การช่วยเหลือเกษตรกรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยไปประชุมร่วมกัน เพื่อวางแผนรับมือเกี่ยวกับผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มัน สับปะรด และอื่น ๆ เพื่อให้รู้ว่าปริมาณผลผลิตแต่ละปีเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร พร้อมทั้งจะต้องวางแผนส่งเสริมการเพาะปลูกไม่ให้เกินความต้องการเพื่อลดปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด ซึ่งจะมีการประชุม 3 หน่วยงานในวันที่ 28 มิถุนายนนี้กันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]