นายกฯเปิดประชุมACMECSเสนอแผนแม่บทจัดตั้งกองทุนระดมทุน

โรงแรมแชงกรี-ลา 16 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรีเปิดประชุม ACMECS Summit ครั้งที่ 8 อย่างเป็นทางการ พร้อมเสนอจัดทำแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี และจัดตั้งกองทุน ACMECS ระดมทุนพัฒนาโครงการภายใต้แผนแม่บท มั่นใจจะสร้างความเข้มแข็งและความเชื่องโยงในอนุภูมิภาคได้จริง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Summit) ครั้งที่ 8 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีผู้นำจาก 5 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม ได้แก่ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่าตลอดระยะเวลา 15 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้ง ACMECS เมื่อปี 2546 จนถึงวันนี้ ACMECS หรือประเทศที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำอิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม ได้กลายมาเป็นอนุภูมิภาคที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 230 ล้านคน รวมทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อเศรษฐกิจและตลาดระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติจากทั่วโลกจำนวนไม่น้อยต่างหันมาสนใจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อแสวงหาลู่ทางและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน


ขณะเดียวกัน ACMECS กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล และมิติความสัมพันธ์ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มีความซับซ้อนมาก เช่นการเข้าสู่สังคมสูงอายุ กฎระเบียบและมาตรฐานไร้พรมแดน กระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และคุกคามรูปแบบใหม่ อาทิการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ดังนั้นตลอดปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงได้ผลักดันการปฏิรูป ACMECS เพื่อให้สามารถรับมือกับบริบทใหม่ของโลกและสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง   

“ในฐานะเจ้าภาพได้ตั้งหัวข้อการประชุมว่า “การก้าวไปสู่ประชาคมลุ่มแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกัน” เพราะเชื่อว่าการรวมตัวและความเชื่อมโยงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้า แรงงาน ประชาชน และนำประเทศสมาชิกเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าและอุปทานของโลกได้ต่อไป ซึ่งหวังว่าต่อไปนี้จะช่วยกันสร้างประชาคม ACMECS ที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกฯประกาศแผนแม่บท ACMECSสร้างความเชื่อมโยง 3 “S”

 นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าประเทศไทย โดยการสนับสนุนจากสมาชิก ACMECS ทั้ง 4 ประเทศ ได้ริเริ่มจัดทำแผนแม่บท ACMECS (ค.ศ. 2019-2023) ซึ่งเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอนุภูมิภาค เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของ ACMECS ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “เสริมสร้าง ACMECS ที่เชื่อมโยงกัน ภายในปี ค.ศ. 2023” (Building ACMECS Connect by 2023) ซึ่งแผนแม่บท ACMECS ให้ความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย 3 ประการ ภายใต้สโลแกน 3 “S”(สามเอส) ได้แก่

เอสที่ 1 การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค หรือ Seamless Connectivity โดยเน้นการเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานและเส้นทางคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่ยังขาดหาย (missing links) เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการภายในอนุภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มธุรกรรมการค้าและกิจกรรมทางการเงินในอนาคต และการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านพลังงาน เพื่อส่งเสริมความมั่นคง การเข้าถึง และความยั่งยืนทางพลังงานในอนุภูมิภาค

เอสที่ 2 การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ หรือ Synchronized ACMECS Economies โดยเน้นการปรับแก้กฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกัน ลดความซับซ้อนของกฎหมายและระเบียบและจัดการกับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และการเคลื่อนย้ายคนข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาค โดยอาศัยการต่อยอดจากการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ในอนุภูมิภาคที่มีอยู่แล้ว ซึ่งหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน เช่นการต่อยอดด้านกฎระเบียบด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดน หรือ CBTA ภายใต้กรอบ GMS เป็นต้น 

และเอสที่ 3 การพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม หรือ Smart and Sustainable ACMECS โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการยุคใหม่ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสตาร์ทอัพ การเกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์ การศึกษา การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) และความมั่นคงไซเบอร์ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานหมุนเวียน

จัดตั้งกองทุน ACMECS Fund ชวนสมาชิกและนักลงทุนระดมเงินพัฒนา

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าการกำหนดทิศทางการดำเนินการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในการบรรลุเป้าหมายของแผนแม่บท ACMECS พวกเราได้เห็นพ้องที่จะจัดทำโครงการระยะเริ่มแรก 2 ปี เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงตามระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) และระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (SEC) ภายใต้โครงการทั้งสามเสาการดำเนินการภายใต้แผนแม่บท คงจะดำเนินการด้วยความลำบาก หากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของแหล่งเงินทุน ดังนั้นประเทศไทยจึงให้ความสำคัญต่อการจัดหาแหล่งเงินทุนที่มีความยั่งยืน โดยเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุน ACMECS (ACMECS Fund)  เพื่อระดมทุนสำหรับพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้แผนแม่บท โดยประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน ACMECS ด้วยทุนเริ่มต้นในการก่อตั้งจำนวนหนึ่ง และเพื่อให้กองทุน ACMECS มีความยั่งยืน และสามารถสนับสนุนแผนแม่บทตามเป้าหมาย ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประเทศสมาชิก และประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาทั้งที่ปัจจุบันมีความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงดั้งเดิม รวมถึงประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งในเอเชีย ยุโรป องค์กรระหว่างประเทศรวมถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ เข้ามาเข้าร่วมสมทบกองทุน ACMECS ในการสมทบเงินเข้ากองทุนดังกล่าว 

ผลักดันต้นแบบEECศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค

รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายภายในต่างๆ ซึ่งช่วยสนับสนุนแผนแม่บท ACMECS ที่เน้นการสร้างความเชื่อมโยงภายในอนุภูมิภาค คือ นโยบาย Thailand 4.0 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยบนพื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ไทยเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์ นโยบายการผลักดัน EEC ตัวอย่างโครงการที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ การพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve and New S-curve industries) โดยรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าวภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Private-Private Partnership) ตามนโยบายประชารัฐควบคู่กับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย และกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยนโยบายดังกล่าวได้ช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทย สร้างงานคุณภาพและส่งเสริมให้ไทยเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าและห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาคและของโลก

“อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของเราจะเข้มแข็งได้ ก็ต่อเมื่อทุกประเทศเจริญก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน โดยไม่ทิ้งประเทศใดไว้ข้างหลัง ดังนั้น ไทยจึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน โดยไทยพร้อมเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวบนพื้นฐานของการสร้างพลังเดินหน้าไปร่วมกัน ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ SEZ จำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ตามบริเวณแนวชายแดน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีความเหมาะสมสำหรับสร้างเป็นฐานการผลิตที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิก ACMECS อื่นๆ จึงมีศักยภาพที่จะรองรับแรงงานต่างด้าวได้เป็นจำนวนมาก และรัฐบาลไทยก็มีมาตรการการอำนวยความสะดวกในการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เหล่านี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานและวัตถุดิบที่ต้องนำข้ามแดนจากประเทศ ACMECS  อื่นๆ”นายกรัฐมนตรีกล่าว


มั่นใจ ACMECS จะเข้มแข็งเชื่อมโยงได้จริงใน 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ตลอด 15 ปี ที่ผ่านมา อนุภูมิภาค ACMECS ผ่านร้อนผ่านหนาวมาร่วมกัน และเติบโตมาจากภาคเกษตรและพัฒนามาสู่อุตสาหกรรมแปรรูป และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเหมือนกัน ขณะนี้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคครอบคลุมเรื่องอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์  การท่องเที่ยว โรงแรม สินค้า บริการ และพลังงาน ซึ่งกำลังสร้างภาพลักษณ์ของ ACMECS ให้เป็นอนุภูมิภาคที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจที่สูง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิก ACMECS ที่จะร่วมมือกัน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการดำเนินการตามแผนแม่บทจะทำให้ACMECS เป็นประชาคมแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริงใน 5 ปีข้างหน้า และต่อจากนั้น จะได้เห็น ACMECS เป็นอนุภูมิภาคที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และคนข้ามพรมแดนอย่างไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค และเป็นอนุภูมิภาคที่เป็นสะพานที่แท้จริงที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจและตลาดของมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกและของเศรษฐกิจอื่นๆ กับภาคพื้นทวีปเอเชียและของโลก ปัจจุบัน กลุ่มประเทศ ACMECS เป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก เพราะแม้เศรษฐกิจโลกซบเซา แต่กลุ่มประเทศ ACMECS มีประชากรรวมกันซึ่งเป็นวัยกำลังทำงานจำนวนมาก มีกำลังซื้อมาก และเป็นแหล่งการผลิตที่สำคัญของโลก ทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย นับเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลก จึงเชื่อว่านับจากนี้ จะได้เห็น ACMECS เป็นอนุภูมิภาคที่มีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์ในประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งเสริมพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการและเกษตรกรของเราจะเป็นคนยุคใหม่ที่ก้าวหน้าสามารถนำเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาผสมผสานกับวิถีชีวิตและการปฏิบัติงานทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ทำให้มีความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จะเห็นว่าแผนแม่บทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การฝึกอบรม และการเรียนรู้ ประชาคม ACMECS ต้องสามารถแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ขาติสมาชิกได้เห็นพ้องแล้วว่า การพัฒนาในอนุภูมิภาคจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ดังนั้น แผนแม่บท ACMECS จึงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ประเทศสมาชิก ACMECS จะต้องผลักดันความร่วมมือในลักษณะความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ตลอดจนประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา เพื่อให้ความร่วมมือตามเสาหลักต่างๆ ภายใต้แผนแม่บท มีดำเนินการและเกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งสามเสาภายใต้แผนแม่บท ACMECS 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความพยายามของประเทศสมาชิก ACMECS ที่จะสนับสนุนความเชื่อมโยงและการพัฒนาแบบยั่งยืนได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก ซึ่งเห็นได้จากสารและวีดีโอแสดงความยินดีจากผู้นำและรัฐมนตรีจากหลายประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ จึงขอขอบคุณมาในโอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศและองค์กรเหล่านี้ จะสามารถสนับสนุนแผนแม่บท ACMECS เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทั้งสามเสาได้เป็นอย่างดี โดยคำนึงถึงการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน (win-win cooperation) และสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของประเทศสมาชิก ACMECS นอกจากนี้ ยังมีความยินดีที่ภาคเอกชน ACMECS มีความตื่นตัว เพราะทราบมาว่าสภาธุรกิจ ACMECS ได้ประชุมและเตรียมพร้อมที่จะมานำเสนอข้อคิดเห็นของภาคเอกชน ACMECS ในวาระการประชุมต่อไปเช่นกัน การรวมตัวของ ในวันนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อประชาคมโลกว่า ACMECS พร้อมที่จะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเดินหน้าและกำหนดทิศทางขับเคลื่อนความร่วมมือของ ACMECS ในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนุภูมิภาค โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง มั่นใจว่า หากสามารถร่วมมือกัน มีการสอดประสานกันด้านนโยบาย มีการเชื่อมต่อกับทุกภาคส่วน ACMECS จะกลายเป็นอนุภูมิภาคเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นกลจักรสำคัญของความกินดี อยู่ดีของโลกได้อย่างแท้จริง.- สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

Nepal President and Interim Prime Minister

เนปาลยุบสภา หลังได้นายกฯ เฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรก

กาฐมาณฑุ 13 ก.ย.- ทำเนียบประธานาธิบดีเนปาลออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2569 หลังจากที่ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ ประธานาธิบดีรามจันทระ เปาเฑลของเนปาลสั่งยุบสภาและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งแต่งตั้งนางสุชีลา การ์กี วัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ หลังจากที่ได้เจรจาหารือกันอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 วัน กับผู้บัญชาการทหารบกและแกนนำผู้ประท้วงกลุ่มเจเนอเรชันซีหรือเจนซี (Gen Z) เพื่อเดินหน้าประเทศที่เกิดการลุกฮือครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,300 คน มีการเผาอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาล และบ้านพักนักการเมือง ทำให้นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียที่มีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเนปาล โพสต์เอ็กซ์ (X) แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อนางการ์กีที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเฉพาะกาลเนปาล และว่าอินเดียมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความรุ่งเรืองของพี่น้องชาวเนปาล การประท้วงในเนปาลปะทุขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุแล้วลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 8 กันยายน ชนวนเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไปโหมกระพือกระแสความไม่พอใจเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศที่ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี 2551 […]

“อนุทิน” เข้าพรรคฯ นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.-“อนุทิน” เข้าพรรคภูมิใจไทย วันเกิด นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย ก่อนแถลงต่อสภาฯ ขณะที่ภาคเอกชน-นักการเมือง-ข้าราชการ ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิด ครบ 59 ปี บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 14.15 น. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่งแจกันดอกไม้สีฟ้า-ขาว มาร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิด ครบ 59 ปี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขณะที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายยังมีบรรดานักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิดและแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พลเอกเทพพงษ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย นอกจากนี้ยังมีแจกันดอกไม้ที่ส่งมาอวยพรนายอนุทิน ทั้งส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฯ […]

ธปท.เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือ 15 ก.ย.นี้

กทม. 13 ก.ย.-ธปท. เรียกถกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือจันทร์นี้ หลัง กกร.ตั้งข้อสังเกตส่งออกทองคำไปกัมพูชาพุ่งสูงผิดปกติ กรณีนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชนสามสถาบัน (กกร.) ได้ทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าแรงผิดปกติ สวนทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปกัมพูชา มีตัวเลขสูงผิดปกติ ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่านั้น ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เรียกด่วนผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย เพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าวในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ด้านวงในให้จับตา “ทองคำ” ช่องโหว่เศรษฐกิจ เหตุเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล จนกระทรวงการคลัง-แบงก์ชาติ ต้องถกหาวิธีดูแลธุรกรรมทองคำเพื่อปิดช่องฟอกเงิน เผย 7 เดือนไทยส่งออกทองไปกัมพูชาแล้วกว่า 71,800 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกทองคำของไทยที่อยู่ในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ ระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2568 ตามตัวเลขของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) พบว่าไทยมีการส่งออกไปยังกัมพูชาอยู่ในอันดับ 3 รองจากการส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งค้าทองคำที่สำคัญของโลก โดยตัวเลขการส่งออกไปยังกัมพูชา 7 เดือนแรกของปี 2568 […]

วันที่ 3 ปะทะเดือดสะบ้าย้อย ยังเคลียร์พื้นที่ไม่ได้

สงขลา 13 ก.ย.-เข้าสู่วันที่ 3 เหตุปะทะเดือด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เช้านี้ยังยิงปะทะกันต่อเนื่อง ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ จนชาวบ้านไม่กล้าออกจากบ้าน วันนี้เป็นวันที่ 3 หลังวานนี้ เกิดเสียงยิงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว บนเนินเขา หมู่ 7 ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และหลังจากเสียงปืนสงบ ได้มีการเข้าเคลียร์พื้นที่โดยเชิญผู้นำศาสนาเข้าไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและเป็นสักขีพยาน หลังเจ้าหน้าที่ ยืนยันพบผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 1 ราย และเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีการปะทะต่อเนื่องประมาณ 2-3 ครั้ง ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปะทะขึ้นอีกกว่า 10 ครั้งแล้ว ดังมาจากใกล้จุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ ทราบเพียงว่าเจ้าหน้าที่ปลอดภัยทุกนาย และเจ้าหน้าที่ยังคงใช้ความระมัดระวัง โดยใช้โดรนบินลาดตระเวนตลอดตั้งแต่เช้าและขยับเคลื่อนกำลังเข้าทุกพื้นที่เพื่อกดดัน และจำกัดวงล้อมรอบเทือกเขา หาตัวผู้ก่อความไม่สงบ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และติดกับอำเภอนาทวี จ.สงขลา ซึ่งคนร้ายอาจจะหลบหนีได้ แหล่งข่าวความมั่นคงคาดยังมีคนร้ายหลบหนี อยู่ในเทือกเขาอีกประมาณ 1-2 คน ขณะที่บรรยากาศในหมู่ 7 บ้านห้วยเต่า วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ชาวบ้านยังคงอยู่บ้านเรือนของตนเองเพื่อความปลอดภัย […]