นายกฯ เปิดประชุม ACMECS CEO Forum

โรงแรมแชงกรี-ลา 15 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรี เปิดการประชุม ACMECS CEO Forum ย้ำประเทศสมาชิกปรับตัวนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตร มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน  เชิญชวนภาคเอกชน ACMECSร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนการลงทุนใน ACMECS เตรียมผลักดันจัดตั้งกองทุน  ACMECS ขึ้นในอนาคต


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุม  ACMECS CEO Forum ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของภาคเอกชนในการสร้างประชาคมลุ่มน้ำโขง” ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี  เจ้าพระยา  แม่โขง  (ACMECS Summit) ครั้งที่ 8 ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) โดยระบุว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติสมาชิก ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาความร่วมมือในกรอบ ACMECS โดยอาศัยความได้เปรียบจากความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม เพื่อลดช่องว่างในการพัฒนา มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน โดยความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและในระดับท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญยิ่งในการส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองแบบยั่งยืนร่วมกันของอนุภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเทศ ACMECS จึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่ต้องยกระดับสินค้าเกษตร ด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (development partners) ให้มีสมดุล เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีความเป็นเอกภาพ สามารถรักษาบทบาทและความเป็นแกนกลางของอาเซียนเอาไว้ได้ ทุกชาติสมาชิกจึงเห็นพ้องในการจัดทำแผนแม่บท ACMECS  (ACMECS Master Plan) เพื่อปรับโครงสร้างและจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือ โดยมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม ดิจิทัล พลังงาน การเชื่อมโยงกฎระเบียบทางการค้า การลงทุน และการเงิน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรม


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา ACMECS ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนการเชื่อมต่อห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค เพื่อให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนเดินทางไปพร้อม ๆ กัน โดยภาคเอกชน ACMECS ต้องร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนการลงทุนใน ACMECS เพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตในอนุภูมิภาค ACMECS ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกอย่างครบวงจร เช่น การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โครงสร้างพื้นฐาน ในรูปแบบ Public – Private Partnership 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยจึงได้ผลักดันให้บรรจุ เรื่อง การเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร้รอยต่อ เป็นหนึ่งในเสาหลักของทิศทางการพัฒนา ACMECS ในอนาคต และจะผลักดันให้มีการจัดตั้งกองทุน  ACMECS ขึ้น นอกจากนี้ ภาคเอกชนจำเป็นต้องเพิ่มบทบาทในการเตรียมพร้อมให้ ACMECS สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ทั้งจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาเกษตรกรยุคใหม่ (smart farmer) ตลอดจนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) รวมทั้งวิสาหกิจเริ่มต้น (startup) ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน Smart ACMECS

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเชิญชวน ภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมกำหนดเป้าหมายเร่งด่วนในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรม ตลอดจนประเด็นที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวก หรือปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นและสอดประสานกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ภาคเอกชน ACMECS ต้องร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากการพัฒนา สามารถเจริญเติบโตไปได้พร้อมกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind)


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยพร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการต่อประเทศสมาชิก ACMECS โดยเฉพาะในหลักสูตรการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เกิดการพัฒนาภาคเกษตรจากภายในสู่ภายนอก และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาที่จำเป็น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการ และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับประเทศ และในระดับชุมชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยมองว่า ภาคธุรกิจยังสามารถช่วยเร่งรัดการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวภายในอนุภูมิภาค ACMECS และการจ้างงานแรงงานจากชาติสมาชิก ACMECS ได้อีกด้วย โดยไทยพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้ ACMECS เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยอาศัยศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายลำดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในการกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ประเทศสมาชิก ACMECS อื่น ๆ ตามนโยบาย Thailand+1 ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวไปยังชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่บริเวณชายแดนด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการจ้างแรงงาน ไทยมีนโยบายเปิดกว้าง โดยรัฐบาลได้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ตามบริเวณแนวชายแดน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีความเหมาะสม และมีศักยภาพ อีกทั้งยังมีมาตรการการอำนวยความสะดวกในการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เหล่านี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยและรัฐบาลมีนโยบายต้อนรับแรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะตระหนักดีถึงบทบาทของแรงงานเหล่านี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และพร้อมที่จะให้การดูแลแรงงานเหล่านี้ให้ได้รับสิทธิต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนจากทุกประเทศมาร่วมกันพัฒนาความร่วมมือในกรอบ ACMECS ให้ลึกซึ้ง แนบแน่น และเจริญก้าวหน้าต่อไป เพื่อให้ทุกประเทศมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง สามารถเจริญก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กันได้ เพราะแนวคิดดังกล่าว เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) อีกทั้งยังสอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม (inclusive growth) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร