สั่งกรมอุทยานฯ ชดใช้ “ปู่คออี้-พวก” ถูกรื้อ-เผาบ้านในป่าแก่งกระจาน

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ศาลปกครองสูงสุดสั่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้เงินแก่ปู่ “คออี้ มีมิ” และชนกลุ่มน้อยคนละ 50,000 บาท หลังถูกรื้อและเผาบ้านในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่ “ปู่คออี้” และพวก ไม่มีสิทธิกลับไปเข้าอยู่ในป่าแก่งกระจานตามที่ร้องขอ


ปฏิบัติการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานผลักดันชนกลุ่มน้อยออกจากป่า เพื่อป้องกันการบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยจนพื้นที่ป่าเสียหาย เมื่อปี 53 จนถึงปี 54 บานปลายจนถึงขั้นเจ้าหน้าที่สั่งรื้อและเผาบ้านชนกลุ่มน้อย กลายเป็นข้อพิพาทและฟ้องร้องดำเนินคดี โดยนายคออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย กับพวกรวม 6 คน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อปี 55 เพื่อเรียกค่าชดเชยผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และขอสิทธิกลับไปอยู่อาศัยและทำกินในป่าแก่งกระจาน อ้างว่าตั้งรกรากมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยจากประเทศเพื่อนบ้าน ศาลปกครองชั้นต้นตัดสินเมื่อปี 59 ว่าให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้ฟ้องทั้ง 6 คน คนละ 10,000 บาท


ผู้ฟ้องทั้ง 6 ยื่นอุทธรณ์ กระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินในวันนี้ ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องทั้ง 6 คน เป็นเงินคนละประมาณ 50,000 บาท ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา เนื่องจากเผาทำลายสิ่งปลูกสร้าง กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจที่จะเลือกใช้มาตรการบังคับตามอำเภอใจ ส่วนที่ผู้ร้องขอสิทธิกลับไปอยู่อาศัยในป่าแก่งกระจานเช่นเดิม ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานจากทางการให้ครอบครองที่ดินเพื่อทำประโยชน์ จึงไม่อนุญาต


หลังศาลตัดสิน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ และยอมรับหากจะต้องถูกสอบวินัยที่ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินค่าชดใช้

ส่วนภรรยานายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ ที่หายตัวไประหว่างเป็นพยานในคดีนี้ กล่าวว่า แม้ศาลมีคำตัดสินให้รัฐชดใช้ค่าเสียหาย แต่ไม่ได้อนุญาตให้กลับไปอยู่อาศัยและทำกินในป่าเช่นเดิม ก็รู้สึกเช่นเดียวกับปู่คออี้ คือเสียใจ และไม่มีความสุขที่ไม่ได้กลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม

คดีประวัติศาสตร์การพิพาทประเด็นสิทธิของชนกลุ่มน้อยกับเจ้าหน้าที่รัฐ วันนี้ผู้ฟ้องซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย มาฟังคำพิพากษา 3 คน เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน และมีปัญหาด้านสุขภาพอีก 2 คน หนึ่งในนั้นคือ ปู่คออี้ ที่เป็นที่เคารพรักใคร่ของชาวบ้าน อายุกว่า 100 ปี และประเด็นพิพาทที่ยืดเยื้อ ยังทำให้ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน หายตัวไปนาน 4 ปีแล้ว โดยไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายหรือไม่.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่