กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – ก.ล.ต.กล่าวโทษกรรมการ EARTH รวม 11 ราย ต่อดีเอสไอ กรณีลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในเอกสาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและอดีตกรรมการบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH รวม 11 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณียินยอมให้ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น 26,000 ล้านบาท เพื่อลวงไม่ให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้รู้รายละเอียดที่แท้จริงของหนี้สิน ประกอบด้วย นายพิสุทธิ์ พิหเคนทร์ นายขจรพงศ์ คำดี นายธนาวรรธน์ ประทุมสุวรรณ์ นายพิรุฬห์ พิหเคนทร์ นายพิพรรธ พิหเคนทร์ นายพิบูล พิหเคนทร์ นางสาวกาญจนา จักรวิจิตโสภณ นายสมเกียรติ ศุขเทวา นายสุริยาภรณ์ บุญชัย นายเอกนฤน ธรรมมารักษ์ และนายธงชัย วัฒนโสภณวงศ์
ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนหลายรายร้องเรียนเกี่ยวกับหนี้สิน 26,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจาก EARTH ส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของหนี้สินเป็นเหตุให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 10,349 ล้านบาท เป็นติดลบ 15,651 ล้านบาท และคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ EARTH เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ก.ล.ต.จึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความมีอยู่และสถานะของหนี้สินที่เพิ่มขึ้น 26,000 ล้านบาท
จากการตรวจสอบ ก.ล.ต.พบว่ารายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัทและข้อมูลที่ EARTH เปิดเผยผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลายครั้ง EARTH ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าเสียหายพิเศษหรือค่าเสียโอกาส ซึ่งจากรายงานการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษที่ ก.ล.ต.สั่งให้ EARTH จัดทำ ระบุว่า มูลหนี้ดังกล่าวไม่สามารถบันทึกเป็นหนี้สินในงบการเงินตามมาตรฐานการบัญชีและได้ระบุความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายรายหนึ่งว่า หนี้สินส่วนที่เป็นค่าเสียหายพิเศษตามข้อตกลงในสัญญากำหนดว่าคู่สัญญา คือ EARTH ไม่ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ EARTH ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดของมูลหนี้ดังกล่าวก่อนที่จะนำมูลหนี้ทั้งจำนวนไปรวมเป็นหนี้สิน และยื่นขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
การกระทำข้างต้นของกรรมการและอดีตกรรมการของ EARTH ทั้ง 11 ราย ที่ร่วมกันดำเนินการมีส่วนรู้เห็น ยินยอม หรือสนับสนุนให้ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในรายละเอียดของหนี้สินดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการลวงให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้เข้าใจผิดว่า EARTH มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินเป็นความผิดตามมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อดีเอสไอ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยการกระทำผิดอาจต้องระวางโทษอาญาโดยจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1 ล้านบาท นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินและการบันทึกบัญชี หากพบว่าเป็นความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
การถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้กรรมการและอดีตกรรมการข้างต้นเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี
ทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต.เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย