กรุงเทพฯ 7 มิ.ย.- ผบ.ตร.สั่งตำรวจสายตรวจทั่วประเทศหมั่นทบทวน ยุทธวิธีการ ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องสงสัย หลังกรณี สายตรวจ สน.คันนายาว ถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่บาดเจ็บสาหัสก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจม สน.คันนายาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามผู้ต้องสงสัย กระทั่งเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะเสียชีวิต เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าตอนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจขับขี่รถจักรยานยนต์ออกปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านพูน ถนนคู้บอน แขวงบางชัน ได้มีรถจักรยานยนต์ สีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผ่านมา โดยผู้ขับขี่เป็นชายวัยรุ่นสองคน ไม่สวมหมวกนิรภัย คนนั่งซ้อนท้ายพกพาวัตถุบางอย่างคล้ายอาวุธปืนเหน็บอยู่ที่เอวข้างขวา ท่าทางมีพิรุธ ตำรวจจึงเรียกให้หยุดรถ แต่ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนไม่ยอมหยุด และได้ขับรถจักรยนต์เร่งความเร็วหลบหนี ไปตาม ถนนคู้บอน มุ่งหน้าสี่แยกคลองสอง ตำรวจได้ขับขึ่รถไล่ติดตามไป จนเกิดอุบัติเหตุ เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะสีดำ บริเวณสี่แยกดังกล่าว ทำให้ ดาบตำรวจเอนก นันทิวัฒ ผบ.หมู่ ป้องกันปราบปราม สน.คันนายาว ได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาขวาหัก ถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลตำรวจ และ สิบตำรวจโทอดิศร อันทราศรี ผบ.หมู่ ป้องกันปราบปราม สน.คันนายาว ได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะ มีเลือดออกในสมอง อาการสาหัส ถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลนพรัตน์ เพื่อให้เเพทย์ทำการรักษาก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยขณะนี้พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมแสดงความเสียใจกับญาติเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียชีวิต พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชา ช่วยเหลือดูแลสวัสดิการต่างๆอย่างใกล้ชิดอย่าให้เกิดข้อบกพร่อง ขณะเดียวกันได้สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศให้ทบทวนยุทธวิธีต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ ตั้งจุดตรวจในเวลากลางคืนต้องหมั่นทบทวนยุทธวิธีอยู่เสมอ และให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในกรณีที่ปฏิบัติอยู่พบเห็นความผิดปกติของรถที่ขับขี่มาด้วยความไม่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้หลบหลีกเข้าที่ปลอดภัยและให้จดจำลักษณะของรถ สี ยี่ห้อ หมายเลขทะเบียนคันที่ต้องสงสัย เพื่อติดตามและดำเนินคดีในภายหลังต่อไป ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มแสงสว่างและป้ายเตือนต่างๆ ให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเพื่อลดความสูญเสีย.-สำนักข่าวไทย