เร่งตามหา “อดีตพระพรหมเมธี”

นครพนม 2 มิ.ย.61- ตำรวจพบรถต้องสงสัยคาดเป็นของอดีตพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดลอต 3 ที่วัดใน จ.นครพนม ขณะที่พบเบาะแสมีนักธุรกิจให้ความช่วยเหลือหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน


ความคืบหน้าการติดตามจับกุมพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรืออดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดลอต 3 ที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ แม้จะยังไม่พบตัว แต่วันนี้ตำรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กภ 3 กภ 8672 กรุงเทพมหานคร จอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ตำบลนางงาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม  เบื้องต้นคาดเกี่ยวข้องกับการหลบหนีอดีตพระพรหมเมธี แต่ไม่พบพระสงฆ์ สามเณร หรือผู้ดูแลภายในวัด และไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ เจ้าหน้าที่จึงเคลื่อนย้ายรถไปไว้ที่ สภ.เรณูนคร ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ภายในรถอย่างละเอียด 

มีรายงานว่า อดีตพระพรหมเมธี ได้รับความช่วยเหลือจากนักธุรกิจหญิงรายหนึ่ง ช่วยพาหลบหนีผ่านทางช่องทางธรรมชาติ โดยหนีขึ้นเรือหาปลาที่ชุมชนบ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากข้ามชายแดนสำเร็จไปพักที่โรงแรมดงชัย ในเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว กระทั่งเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม ได้เดินทางต่อไปยังเมืองสองห้อง ซึ่งห่างจากเมืองท่าแขกไปทางเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งที่นั่นจะมีผู้มารอรับอดีตพรพรหมเมธีเดินทางต่อ แต่ยังไม่ทราบจุดหมายปลายทางว่าไปที่ใด มีรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตามประกบนักธุรกิจรายนี้และสามารถควบคุมตัวได้ที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) จังหวัดนครพนม ขณะกำลังเดินทางกลับมาจากฝั่ง สปป.ลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ ขณะเดียวกัน ตำรวจยังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอศาลอนุมัติหมายจับเจ้าอาวาสวัดดังที่ให้การช่วยเหลือหลบหนีอีกด้วย ซึ่งการระดมกำลังครั้งนี้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม และตำรวจกองปราบฯ ลงพื้นที่สั่งการด้วยตัวเอง 


ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า นักธุรกิจสาวซึ่งเป็นข่าวชื่อ “สีกา จ.” เปิดปากรับสารภาพแล้ว โดยเล่าว่าใช้รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมาด้วยกัน 3 คน มีอดีตพระพรหมเมธี คนขับรถและตน มุ่งหน้าไปยังภาคเหนือของไทย ก่อนจะล่องลงมาที่จังหวัดนครพนม และได้พาอดีตพระพรหมเมธีไปพบกับนางจัน หญิงชาวลาว โดยอ้างกับนางจันว่าอดีตพระพรหมเมธี อยากเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเชียงขวาง อยู่ทางภาคเหนือของลาว นางจันพาซื่อจึงให้การต้อนรับขับสู้ พร้อมหาที่พักให้ ซึ่งทั้งหมดได้หนีข้ามไปยังฝั่งลาวตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาสีกา จ. บอกกับนางจันว่าเป็นห่วงรถตู้ที่จอดตากแดดตากฝนทางฝั่งไทย ให้ใครก็ได้ไปขับไปจอดเก็บให้ด้วย นางจันอาสาให้ลูกชายข้ามแม่น้ำโขงมาขับรถคันดังกล่าวไปจอดที่ข้างโรงครัววัดป่าสุคนธรักษ์ เหตุที่ให้ไปจอดวัดนี้นางจันเล่าว่าเพราะรู้จักกับ “พระหนุ่ม” เจ้าสำนักมาก่อน เพราะพระรูปนี้เคยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ กระทั่งทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่าอดีตพระพรหมเมธีหนีหมายจับจากประเทศไทย จึงตกใจปรึกษากับญาติๆ ว่าจะทำอย่างไร หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาเจอตนอยู่กับสีกา จ. อาจจะติดร่างแหไปด้วย นางจันจึงขอร้องสีกา จ.ให้กลับประเทศไทย โดยให้คนขับรถข้ามสะพานไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) มาส่งที่ฝั่งไทยในเช้าวันที่ 31 พ.ค. ปรากฏว่ามาถึงด่าน ตม.ก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคนในรถไว้ทั้งหมด รวมตัวสีกา จ.ด้วยและนำตัวไปสอบสวน ก่อนจะปล่อยตัวคนลาวที่ขับรถมาส่งสีกา จ. ให้เดินทางกลับได้แต่ยังคงควบคุมตัวสีกา จ.ไว้สอบสวนต่อ หลังสอบปากคำแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ส่วนสีกา จ.ถูกเค้นสอบอย่างหนักจนเปิดปากรับสารภาพดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงอดีตพระเมธีสุทธิกร อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ ว่าคืนแรกถูกควบคุมในแดนแรกรับ หรือแดน 1 ก่อน เพื่อให้ปรับตัวและเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับของเรือนจำ ตลอดคืนที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรอาจมีอาการตกใจและวิตกกังวลบ้าง ซึ่งได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจและคลายความกังวลแล้ว ส่วนอดีตพระทั้งหมดที่เข้ามาก่อนหน้านี้ ได้มีการแยกแดน มาอยู่ในแดนควบคุมผู้ต้องหาที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์และยังสามารถต่อสู้คดีได้ในชั้นศาล ทางเรือนจำจึงได้อะลุ้มอล่วยในเรื่องการแต่งกาย การถือศีลสวดมนต์ โดยจะไม่เข้าไปบังคับกดดันใดๆ โดยไม่จำเป็น 


มีความเคลื่อนไหวกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธอื่นๆ นำโดยนายจรูญ วรรณกสิณานนท์ เดินทางไปแจ้งความเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ ผอ.พศ. ที่กองบังคับการปราบปราม ฐานแจ้งความโดยมิชอบฯและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ พร้อมขอให้สอบสวนผู้ที่มีส่วนอนุมัติเงินงบประมาณให้วัดฯ เพื่อหาต้นเหตุที่แท้จริงของความผิด เนื่องจากการที่ ผอ.พศ.ให้ตำรวจเข้าตรวจค้นและแจ้งข้อหากับพระสงฆ์หลายวัด มีความไม่ชอบมาพากลและเชื่อว่ามีผู้ไม่หวังดีโยนความผิดให้พระสงฆ์ โดยมองว่าความผิดทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่พระสงฆ์ แต่อยู่ที่ พศ.เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนงบให้วัด และพระสงฆ์ไม่ทราบขั้นตอนเรื่องงบประมาณ แต่กลับมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับพระสงฆ์ว่าใช้งบฯ ผิดประเภท จนทำให้พระสงฆ์ต้องสละสมณเพศจำนวนมาก และทำให้หลายวัดถูกทำลายชื่อเสียง

หลังจากแจ้งความที่กองปราบปรามแล้ว กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ตีความอำนาจศาลและตำรวจ ที่ให้พระสละสมณเพศว่าเป็นการละเมิดมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.สงฆ์ฯ หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ข่าวแห่งปี 2567 : รวมฉ้อโกง “ดารา-คนดัง” ไม่รอด

ตลอดปี 2567 ยังมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของกลโกง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว และที่น่าตกใจเริ่มมีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีมากขึ้น

หมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่

บรรยากาศการเดินทางหมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ด้าน รฟท. คาดผู้โดยสารเดินทางขาออกวันนี้ 1 แสนคน

รถเริ่มแน่น! สายเหนือ-อีสาน การจราจรชะลอตัว

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา หยุดยาวปีใหม่ ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าสายอีสาน รถแน่น ส่วนถนนสายเอเชีย ขึ้นเหนือ รถเคลื่อนตัวได้ช้า