ทำเนียบรัฐบาล 1 มิ.ย.-วิษณุเผยนายกฯ ไม่กังวลกรณีกกต.ชี้ดอนขาดคุณสมบัติ หลังตรวจพบภริยาถือหุ้นเกินร้อยละ 5 มั่นใจไม่กระทบงาน รอศาลรธน.ชี้ขาด เป็นบรรทัดฐานนักการเมืองในอนาคต
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเสียงข้างมากชี้ว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขาดคุณสมบัติ เนื่องจากคู่สมรสถือครองหุ้นในธุรกิจเกินกว่าร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการและไม่ทราบว่านายดอนทราบข้อมูลแล้วหรือไม่
“ส่วนกรณีที่มีคำถามว่ากกต.ลงมติด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 เสียง คงไม่ใช่ปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่ลงคะแนนแล้วเสียงเท่ากัน คือ 2 ต่อ 2 เสียง ประธานกกต.จึงลงคะแนนเพื่อชี้ขาด ซึ่งคะแนนที่ออกมากกต.พิจารณาตามข้อกฎหมาย เป็นเรื่องบรรทัดฐานที่ต้องชี้ขาด ในขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่น่าจะเป็นความผิด เพราะเป็นการดำเนินการก่อนที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ ดังนั้นประธาน กกต.จึงชี้ขาดเพื่อให้ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน และนำไปใช้กับกรณีนักการเมืองในอนาคต ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกติ เพราะไม่ใช่ความผิดในลักษณะอาชญากรรม แต่เป็นความผิดในกรณีที่คู่สมรสมีหุ้นอยู่ในธุรกิจเกินร้อยละ 5 โดยไม่ได้แจ้งต่อป.ป.ช.” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องหยุดพักการทำงาน เพราะเคยมีตัวอย่างในอดีตที่สามารถทำงานต่อได้ตามปกติทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนเรื่องการแสดงสปีริตถือเป็นเรื่องของเจ้าตัว ไม่สามารถตอบแทนได้ ขณะเดียวกันได้รายงานข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว โดยนายกรัฐมนตรี ไม่ได้กังวลกรณีนี้ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีจะต้องเตรียมการเดินทางเยือนต่างประเทศ ตามคำเชิญ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดูแลและเตรียมการเรื่องนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศใด ในช่วงใดบ้าง เพราะมีหลายประเทศเชิญเข้ามา
“ยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะต้องปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ แต่หากถึงเวลาที่ศาลมีคำตัดสินแล้ว หากปรากฎว่ามีความผิด ก็มีความชัดเจนว่าจะต้องปรับในลักษณะใด แต่ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศคงไม่มีปัญหา เพราะมีทั้งนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลอยู่ จึงไม่เกิดปัญหาเหมือนกระทรวงอื่น .- สำนักข่าวไทย
