รถบรรทุกพุ่งชนป้อมทหาร บาดเจ็บ 3 คน

ลำปาง 29 พ.ค.-ระทึก! ฝนตกถนนลื่น รถบรรทุกพ่วง พุ่งชนป้อมสารวัตรทหาร บริเวณปากทางเข้าบ้านพักทหาร มทบ.32 อ.เมืองลำปาง พังเสียหายทั้งหลัง ทหารในป้อมวิ่งหนีออกมาได้ทัน มีผู้บาดเจ็บ 3 คน



เที่ยงวันนี้ ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณทางเข้าบ้านพักทหาร มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ถนนพหลโยธินสายลำปาง-งาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ติดกับโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี หลังได้รับแจ้งมีรถบรรทุกพ่วงพุ่งชนป้อมสารวัตรทหารมีผู้บาดเจ็บหลายราย 


จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วงยี่ห้ออีซูซุ เลขทะเบียน 72-5334 ชลบุรี พ่วงท้ายหมายเลข 72-7561 ชลบุรี บรรทุกยางมะตอย พุ่งคาอยู่ในที่เกิดเหตุสภาพหน้ารถพังเสียหาย พุ่งชนเข้ากับป้อมสารวัตรทหารที่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าบ้านพักทหาร มทบ.32 พังเสียหายไปทั้งหลัง อีกทั้งตัวท้ายพ่วงยังได้ฟาดเข้ากับท่อน้ำประปาแตกทำให้น้ำโพยพุ่งขึ้นจากใต้ดินนอกจากนั้นยังชนเข้ากับรั้วของสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกลำปางที่อยู่ติดกันได้รับความเสียหายอีกด้วย

ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายคือ พลอาสาฯ ณัฐพงศ์ ถาวงค์ อายุ 22 ปี นายคะนอง วงค์สิงห์ อายุ 34 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วงและภรรยาคือ น.ส.สุรีรัตน์ ถูกดี อายุ 33 ปี

จากการสอบถามทราบว่ารถบรรทุกพ่วงได้ขับมาจากทาง อ.งาว จ.ลำปาง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองลำปาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางลงเนินบริเวณหน้า รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี และจะมีทางเบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าเลนด้านในสุดของทางคู่ขนานโดยไม่ต้องผ่านแยกไฟแดง และขณะนั้นมีฝนตกหนักทำให้รถบรรทุกต้องการเบี่ยงซ้ายเพื่อจะออกทางคู่ขนาน แต่รถเกิดเสียหลักพุ่งชนป้อมจนพังเสียหาย เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารในป้อมได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย


จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ติดไว้บริเวณป้อมทหารพบว่าก่อนเกิดเหตุรถบรรทุกได้วิ่งลงเนินมาถึงหน้าโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์จะเห็นว่าขณะนั้นฝนตกและรถเสียการทรงตัวพ่วงหลังหมุนเคว้งกลางถนนก่อนที่จะเหวี่ยงเข้ามาเลนด้านซ้ายทำให้หัวพ่วงหมุนฟาดเข้ากับเสาไฟฟ้าแรงสูงและไถลต่อมาบริเวณป้อมทหารพอดีซึ่งทหารที่ประจำป้อมได้วิ่งออกจากป้อมได้อย่างหวุดหวิด

ทางด้านพันเอกณัฐนนท์ ภุคุกะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี เผยว่าก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ตนเองก็ได้เดินพูดคุยสอบถามทหารที่บริเวณป้อมยามดังกล่าว ก่อนที่จะเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณแปลงเกษตรตามโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อบริเวณด้านในไม่เกิน 3 นาที ก่อนที่ลูกน้องจะโทรศัพท์แจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถพุงชนป้อมทหารแต่โชคดีที่ทหารวิ่งหนีออกมาได้

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งนำรถยกมาทำการยกรถบรรทุกออกจากที่เกิดเหตุแต่ยังไม่สามารถยกรถพ่วงออกได้ ยังคงคาอยู่กับกำแพงรั้วของสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกลำปาง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง