นายกฯ ยังไม่แสดงความเห็น ปมรอดพักบ้านทหารไม่ผิด กม.

กทม. 2 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรีไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องบ้านพัก ขณะที่ฝ่ายค้านยอมรับคำวินิจฉัย และคงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ต่อได้ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ


ความเคลื่อนไหของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้ถูกร้องคดีพักบ้านหลวง นายกรัฐมนตรียังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ ตั้งแต่ช่วงเช้าลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนริมคลองโฮมสเตย์ ตำบลบ้านปรก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม เพื่อติดตามการท่องเที่ยวชุมชน และเยี่ยมชมการดําเนินกิจกรรมของหมู่บ้านรางวัลพระราชทานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ก่อนกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล และเลิกงานตามปกติ ก่อนขึ้นรถเพื่อเดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกลับบ้านพัก นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทักทายสื่อมวลชนที่ติดตามภารกิจอย่างใกล้ชิดและยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีอาศัยบ้านพักทหารไม่ผิดกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบกองทัพบก โดยวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจตามปกติ จะเป็นประธานพิธีเปิดงาน มอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ร้อง กล่าวว่า ได้ทำเต็มที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนถึงที่สุดแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งศาลวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ เพราะเป็นผู้บริหารประเทศ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ก็อยู่บ้านพักตนเอง และได้รับการดูแลจากรัฐเช่นเดียวกัน และไม่ได้มีมาตรการดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด หลังจากนี้พรรคจะกลับไปหารือกันอีกครั้งหนึ่ง และต้องดูรายละเอียดของคำวินิจฉัย เพราะคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานให้องค์กรอื่นที่เป็นหน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติตาม จึงเป็นข้อสังเกตที่น่าคิดว่าในอนาคตจะทำแบบนี้ได้หรือไม่ เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และไม่ได้กระทำการขัดจริยธรรม ก็ยื่นร้องต่อไม่ได้

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ในอนาคตจะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพราะเรื่องระเบียบการใช้บ้านพักของหน่วยงานราชการควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ปัญหานี้ห่วงข้าราชการชั้นผู้น้อยซึ่งไม่มีบ้านอยู่ แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลับมีบ้านหลายหลัง สิ่งเหล่านี้เป็นช่องว่าง เป็นรอยต่อ เป็นความเหลื่อมล้ำ ในอนาคตต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเราพยายามรักษาผลประโยชน์ประชาชนเต็มที่แล้ว เพราะเรามองเห็นว่าการที่คนที่เกษียณไปแล้ว สามารถใช้ทรัพย์สินของรัฐได้ ต้องมีกฎหมายรองรับ แต่เมื่อคำวินิจฉัยออกมาในลักษณะนี้คงต้องผลักดันเรื่องความเหลื่อมล้ำความเสมอภาคต่อไป คงไม่สามารถนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เพราะถือว่าคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญเป็นอันเด็ดขาดแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นบรรทัดฐานในทุกคดี และจะผูกมัดทุกองค์กร แต่ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ตื่นเต้นระทึกใจ เนื่องจากที่ผ่านมามีคำพิพากษาเรื่องคำถวายสัตย์ปฏิญาณ และคดีพิจารณาการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้ชินแล้ว พร้อมระบุว่าเหตุที่บ้านพิษณุโลกไม่เหมาะที่จะเป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับผีสางนางไม้ หรือเทวดา เพราะเมื่อครั้งนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยช่วยขนของเข้าไปอยู่ และบ้านพิษณุโลกมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง รวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอก นอกจากนั้นสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการประชุมอยู่ด้านล่าง คนที่อยู่ด้านบนก็ได้ยินเสียงการประชุมทั้งหมด


ที่ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ตำรวจเข้าประจำตามจุดต่างๆ โดยรอบ พร้อมตั้งแผงเหล็กกั้น 3 ชั้น และติดป้ายที่ระบุข้อความห้ามชุมนุมใกล้พื้นที่ศาลในระยะ 50 เมตร ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 8 และติดประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย โดยพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงสื่อมวลชนทยอยมาทำข่าว ยังพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเคลื่อนไหวใด มีเพียงประชาชนบางส่วนที่มาติดตามคำวินิจฉัย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการอ่านคำวินิจฉัยครั้งนี้ ศาลมีคำสั่งกำหนดบุคคลเข้ารับฟัง ส่วนประชาชนทั่วไปให้รับชมการถ่ายทอดสดผ่านยูทูบชาแนลชื่อ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]