กทม. 28 พ.ค.-ศาลอุทธรณ์ ยกคำร้องขอประกันตัวของ “อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป” เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังครั้งแรก อดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป คือ “อดีตพระศรีคุณาภรณ์” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, “อดีตพระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, “อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์หรือเจ้าคุณเทอด” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, “อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)” เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ “อดีตพระอรรถกิจโสภณ” เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสระสามพระยา ในคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม รวมกว่า 150 ล้านบาทแล้วเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เนื่องจากเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดมีผลกระทบต่อพุทธศาสนาและมีลักษณะเป็นขบวนการ โดยมีการแบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาผ่านทางธนาคาร จึงต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก หากให้ปล่อยชั่วคราวแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านแล้ว
ต่อมา “อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป” ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นอุทธรณ์การประกันตัว ล่าสุด ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งการขอประกันตัวของ “อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป” ยืนตามศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้องขอประกันตัว ด้วยเหตุผลเดียวกัน ส่งผลให้อดีตพระเถระทั้ง 5 รูป ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่ต่อศาลอาญา หรือยื่นอุทธรณ์การประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป ซึ่งการยื่นสามารถดำเนินการได้ตลอดในช่วงระยะฝากขังในคดีดังกล่าว ซึ่งข้อหาที่ถูกดำเนินคดี คือ ร่วมกันฟอกเงินนั้น พนักงานสอบสวนสามารถยื่นฝากขังได้ตาทกฎหมายทั้งสิ้น 7 ผลัดรวม 84 วัน ซึ่งคดีนี้จะครบกำหนดฝากขังครั้งแรกในวันที่ 4 มิถุนายน โดยหากพนักงานสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ไม่สามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาฟ้องหรือไม่ฟ้องได้ทัน ก็ต้องยื่นฝากขังต่อไป จนเมื่อสิ้นสุดเหตุจำเป็นหรือพิจารณาสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย