สศช.ไตรมาสแรกปี 2561 จีดีพีไทยโตร้อยละ 4.8 สูงสุดใน 5 ปี

กรุงเทพฯ 21 พ.ค. – สศช. เผย เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ พุ่งแรงโตร้อยละ 4.8 สูงสุดในรอบ 5 ปี   และปรับจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็นโตร้อยละ 4.5 


นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4.8 เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 4 ในไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือในรอบ 5 ปี และเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าไต้หวัน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการบริโภคภาคเอกชน  ขยายตัวร้อยละ 3.6 เร่งขึ้นจากร้อยละ 3.4 ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับตัวดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้นของฐานรายได้ในระบบเศรษฐกิจ  มาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล  สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ 66.7 ระดับสูงสุดในรอบ 12 ไตรมาส การใช้จ่ายสินค้าคงทนขยายตัวร้อยละ 9.4 สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวร้อยละ 14.8 

ด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ปรับดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 0.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ปรับดีขึ้นทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ  การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3.1  ส่วนการลงทุนภาครัฐกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส อยู่ที่ร้อยละ 4 โดยการลงทุนรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5


ขณะเดียวกันมูลค่าการส่งออกสินค้า และ บริการ ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 9.9 มีมูลค่า 61,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวในทุกาด สอดคล้องกับการขยายตัวของประเทศคู่ค้า  เช่น ข้าว ขยายตัวร้อยละ 21.1 รถยนต์นั่ง ขยายตัว ร้อยละ 18.5 ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ขยายตัวร้อยละ 16.1 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 55,153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 16.3  ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับการส่งออกที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และการปรับตัวดีขึ้นของการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 7.2

ส่วนการท่องเที่ยว มีจำนวน 10.6 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 15.4 รายได้จากการท่องเที่ยว 840,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 สอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และเป็นแหล่งต้นทางของนักท่องเที่ยว

นายวิชญายุทธ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ที่ขยายตัวดีกว่าคาด และมีการปรับเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 2.23 ล้านล้านบาท จากเดิม 2.15 ล้านล้านบาท ทำให้สศช. ปรับจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4.2-4.7  ค่ากลางร้อยละ 4.5 จากเดิมคาดขยายตัวร้อยละ 4.1 โดยมีแรงสนับสนุนจากการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8.9 จากเดิมโตร้อยละ 6.8 ขณะที่มีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐ การใช้จ่ายภาครัฐบาล คาดว่าเบิกจ่ายทั้งปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 92 และยังมีการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมอีก 150,000 ล้านบาท การฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งมีมูลค่า 165,400 ล้านบาท  และ การปรับตัวดีขึ้นของรายได้เกษตรกรตามการขยายตัวของราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ ยกเว้นยางพารา และปาล์มน้ำมัน ที่ราคายังลดลง


ด้านปัจจัยเสี่ยง ต้องจับตาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสศช.ปรับสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบ เป็น 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จาก 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ก็น่าจะเป็นผลดีทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะพืชพลังงาน เช่น ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะเป็นผลดีทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบราคาน้ำมันต่อเงินเฟ้อ คาดว่ามีผลกระทบน้อยไม่กระทบต่อค่าครองชีพมากนัก  โดยเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ0.7-1.7 

นอกจากนี้ ต้องจับตาความเสี่ยงจากการดำเนิน มาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยน จากการขึ้นดอกเบี้ยของประเทศหลัก ทำให้สศช. ปรับประมาณการเงินบาทปีนี้แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจาก 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน

เติมน้ำมันไม่จ่าย

แท็กซี่เติมน้ำมันไม่จ่าย ซิ่งหนีพุ่งชนรถ 5 คันรวด

ตำรวจชัยภูมิ ไล่ล่าแท็กซี่เติมน้ำมัน แล้วซิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน แถมยังขับพุ่งชนรถตำรวจ รถเก๋งและรถ 6 ล้อ รวม 5 คันรวด