กรุงเทพฯ 2 พ.ค. – มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 61 อยู่ที่ 80.9 สูงสุดในรอบ 40 เดือน โดยเฉพาะกำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2561 พบว่า ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อยู่ที่ระดับ 80.9 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 40 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาส่งผลให้กำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติที่ระดับ 100 เนื่องผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อหลายจังหวัดทั่วประเทศยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต หรือ 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 91.9 เป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 61 เดือน เริ่มขยับใกล้เคียงระดับ 100
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลังจากนี้น่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะปัจจัยจากภายนอกทั้งจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงปัญหาการเมืองระหว่างประเทศสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ส่วนปัจจัยจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำ เชื่อว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีเม็ดเงินจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็น 300-500 บาท เติมลงไปในเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น และการเบิกจ่ายงบกลางปี และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เริ่มเคลื่อนเม็ดเงินจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4.4 – 4.6 ผลักดันให้ทั้งปี 2561 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเกินร้อยละ 4 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ประเมินว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบร้อยละ 4.2 -4.6 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย