กทม. 1 พ.ค. – วันนี้ทั่วประเทศไทยมีการรายงานตัวของทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์ ผลัดที่ 1/61 บรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ก็มีกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
ปี 2561 กองทัพต้องการชายไทยเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์มากถึง 104,734 คน โดยมีผู้สมัครใจไม่ขอลุ้นจับใบดำใบแดง ร่วม 45,000 คน หนึ่งในนั้นคือลูกชายของนางอภิญญา ซาเฮาะ เธอยอมรับว่ากังวลกับข่าวทหารเกณฑ์ถูกทำร้ายร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่เชื่อว่าลูกชายเธอจะไม่โชคร้ายขนาดนั้น
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดในครั้งนี้ เขาถูกคัดเลือกให้เข้าประจำการ ณ กองร้อยที่ 3 กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 หรือ กองร้อยทหารเกียรติยศ
ไอติม ในวัย 25 ปี บอกว่า เตรียมตัวเตรียมใจนับตั้งแต่ตัดสินใจสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เหตุผลสำคัญคือต้องการทำตามกฎหมาย เพราะไม่ได้เรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ส่วนที่คนบางกลุ่มเสนอให้ยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารแล้วเปลี่ยนมาใช้ระบบสมัครใจแทนนั้น เขาระบุว่าขอใช้ชีวิตในค่ายทหาร 6 เดือนก่อนแล้วจึงจะให้ความเห็นได้
ด้านผู้บัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 11 ยืนยันว่าการเกณฑ์ทหารเป็นไปตาม พ.ร.บ.การรับราชการทหารปี พ.ศ.2497 หากจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบบสมัครหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอนาคตและข้อกฎหมาย แต่ ณ เวลานี้ การเกณฑ์ทหารยังมีความจำเป็น
หากย้อนไปดูจำนวนทหารเกณฑ์ที่กองทัพต้องการในรอบ 5 ปีนี้ พบว่ามีเพียงปี 2558 ที่ตัวเลขลดลงจากปี 2557 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาตัวเลขก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 1,700 คน ในขณะที่จำนวนคนที่สมัครใจ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน คาดว่าแรงจูงใจส่วนหนึ่งมาจากการที่กองทัพเพิ่มสิทธิและสวัสดิการต่างๆ เช่น ทหารใหม่ 1 คน ได้รับเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว รวมเดือนละราว 10,000 บาท ในส่วนของเบี้ยเลี้ยง แยกเป็นทหารเกณฑ์ที่อยู่ภายในหน่วยปกติ จะได้รับ 96 บาทต่อคนต่อวัน แต่หากปฏิบัติงานนอกที่ตั้งจะเพิ่มเป็น 120 บาทต่อคนต่อวัน และเพิ่มเป็น 200 บาทต่อคนต่อวัน หากปฏิบัติราชการสนาม งานด้านความมั่นคง นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิเครื่องแต่งกาย การรักษาพยาบาล การสมัครสอบเป็นนักเรียนนายสิบ รวมถึงการทำประกันชีวิตหากเกิดการสูญเสียเสียชีวิตและทุพพลภาพ ขณะปฏิบัติหน้าที่ . – สำนักข่าวไทย