พล.อ.ณัฐพล ลั่นไม่ให้เกิดเหตุอีก ทหารเกณฑ์ดับในค่ายทหาร

รัฐสภา 16 ธ.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กลาโหม แจง สว. ปมทหารเกณฑ์เสียชีวิตในค่ายทหาร ลั่นไม่ให้เกิดเหตุอีก ยันสาเหตุไม่ได้มาจากการฝึกหนัก

การประชุมสมาชิกวุฒิสภา นัดแรก มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตในค่ายทหาร ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่นายภูมิธรรม มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาตอบแทน เนื่องจากติดภาระ


นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อยากทราบว่ากระทรวงกลาโหมมีมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติอย่างไร เพื่อไม่ให้มีทหารเกณฑ์เสียชีวิตจากการฝึกรับราชการทหารอีก และกระทรวงกลาโหมมีแผนหรือแนวทางในการเยียวยาแก่ครอบครัวทหารเกณฑ์ผู้เสียชีวิตในระหว่างรับราชการทหารอย่างไร รวมทั้งใช้งบประมาณจากส่วนไหนในการเยียวยา

ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของพลทหารศิริวัฒน์เป็นอย่างยิ่ง แต่ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมมีนโยบายอย่างเคร่งครัดในการกวดขันเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยสาเหตุการเสียชีวิตตามคำวินิจฉัยทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ มีการยืนยันว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว รวมถึงรายงานเรื่องการกู้ชีพฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แรกรับผู้ป่วยในเวลา 18.46 น. ผู้ป่วยไม่มีชีพจร ไม่หายใยจึงเริ่มกระตุ้นหัวใจทันทีและหยุดทั้งหมดในเวลา 19.24 น. ซึ่งไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายภายนอกร่างกายและอวัยวะภายในร่างกาย


พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า พลทหารศิริวัฒน์ไม่ได้เพิ่งเข้ารับหารฝึก แต่ได้ผ่านการฝึกทหารใหม่มาแล้ว การฝึกที่นั่นเป็นการฝึกเฉพาะเหล่าเป็นวันที่ 2 และการฝึกในวันนั้น ช่วงเช้ามีการฝึกฐานราบเป็นเวลา 30 นาที แต่ช่วงบ่ายไม่มีการฝึก และการฝึกฐานราบอีกครั้งในเวลา 15.00 น. ใช้เวลาฝึกเวลา 30 นาที และให้พักผ่อนอีกครั้งจนถึงเวลา 16.30 น. เพื่อออกกำลังกายโดยวิธีการวิ่งและเดิน ก่อนจะออกกำลังกายอยู่กับที่ จึงไม่เป็นสาเหตุให้ร่างกายของพลทหารศิริวัฒน์ทนรับการฝึกไม่ได้ นอกจากนี้ ผลตรวจเลือดก็พบว่าไม่เข้ากับภาวะฮีทสโตรก ดังนั้น พลทหารศิริวัฒน์จึงไม่ได้รับการฝึกที่หนักหรือทรมานอันจะเป็นเหตุให้ร่างกายเกิดอันตรายจากความร้อนได้

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นการกระทำของครูเวรเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำที่บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงพบว่าเวลา 16.30 น. ซึ่งเป็นเวลาออกกำลังกายวิ่งรอบสนาม 5 รอบ ไม่ได้มีการบังคับให้ต้องวิ่ง แต่ให้เดินออกกำลังกายแทน และมีการเห็นว่าพลทหารศิริวัฒน์เดินไปพักคอยเพื่อนๆ ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อทุกคนออกกำลังกายเสร็จ ครูฝึกก็ปล่อยให้ไปพักผ่อนเพื่อรอเวลารับประทานอาหารเย็น ขณะนั้นทหารเกณฑ์คนอื่นๆ ได้เห็นพลทหารศิริวัฒน์เดินไปซื้อน้ำอัดลม ระหว่างที่พลทหารศิริวัฒน์นั่งดื่มน้ำอัดลมก็เกิดอาการหน้ามืด จะเป็นลม และนอนราบไปกับพื้น เพื่อนๆ ที่อยู่บริเวณนั้นจึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปที่โต๊ะครูเวรเพื่อเช็ดตัวและเปิดพัดลมให้พลทหารศิริวัฒน์ ซึ่งก่อนที่ครูเวรจะเตะไปที่ขาของพลทหารศิริวัฒน์นั้น พลทหารศิริวัฒน์ได้ดิ้นส่ายไปมา ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น ครูฝึกจึงให้เพื่อนๆ ของพลทหารศิริวัฒน์พาพลทหารศิริวัฒน์ไปรับประทานอาหาร แต่พลทหารศิริวัฒน์ไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ จึงต้องเอนกับพื้น ฉะนั้น การกระทำดังกล่าวของครูฝึกจึงไม่เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงพลทหารศิริวัฒน์ก็ไม่ได้ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัย สรุปผลการสอบสวนดังนี้ พ่วงร้อยฝึกทหารกองประจำการมีหน้าที่กำกับดูแลครูฝึกและทหารเกณฑ์ในกองร้อยฝึก พ่วงร้อยฝึกปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กองร้อยฝึก ขาดการกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและไม่สอดส่องดูแลอย่างเพียงพอ จึงลงโทษกักผบ.ร้อยฝึกทั้งหมด 5 วันและงดบำเหน็จประจำปี สำหรับนายทหารเวรวันนั้นมีหน้าที่รับคำสั่งผบ.ร้อยฝึกและชี้แจงการทำหน้าที่ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของครูฝึกในระหว่างวันรวมถึงดูแลทหารเกณฑ์ แต่ปรากฏว่านายทหารเวรไม่กำกับดูแลและควบคุมครูเวร ปล่อยครูเวรปฏิบัติหน้าที่ลำพัง บกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงลงโทษกักนายทหารเวรทั้งหมด 7 วันและงดบำเหน็จประจำปี ขณะที่ครูเวรให้การยอมรับว่าใช้ความรุนแรงต่อพลทหารศิริวัฒน์จริง จึงขอยอมรับผิดและลงทัณฑ์ในสิ่งที่ทำลงไป ฉะนั้น การกระทำของครูเวรที่เข้าข่ายการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงลงทัณฑ์ขังครูเวรเป็นเวลา 15 วันและงดบำเหน็จประจำปี


พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า สำหรับการเยียวยานั้น กระทรวงกลาโหมพิจารณาจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ทำขวัญ และอื่นๆ ให้ผู้เสียหายหรือทายาทโดยชอบธรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเป็นเงินสดจำนวน 1 แสนบาท และเงินค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ ในกรณีใช้เงินซึ่งข้าราชการในหน่วยบริจาคร่วมกันมอบเป็นเงินค่าชดเชยให้ญาติผู้เสียหาย และผู้กระทำผิดลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ญาติสามารถฟ้องเอาผิดได้ตามพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ และปัจจุบันญาติได้แจ้งความไว้แล้วอยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยจะมีการไปรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หากญาติเห็นว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็สามารถส่งฟ้องต่อได้ โดยกองทัพพร้อมอำนวยความสะดวก ยืนยันว่าในระดับนโยบายเรากำกับและกวดขันอย่างเคร่งครัดในเรื่องการลงโทษให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อคนหมู่มากก็เป็นธรรมดาอาจจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นบ้าง แต่เป้าหมายคือจะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ได้มีการกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก คือเน้นย้ำและเผยแพร่มาตรการควบคุมการลงทัณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายและธรรมเนียบให้ทหารเกณฑ์ทราบ ,อบรมทหารเกณฑ์ให้ทราบถึงการลงทัณฑ์หรือลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น การทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง โดยให้ดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงดำเนินการทางอาญา ซึ่งอาจส่งผลให้ถูกปลดออกจากราชการในที่สุด และพิจารณาความเหมาะสมของราชการกระทรวงกลาโหมในการเข้ามาทำหน้าที่ครูฝึก ครูปกครอง จะต้องเป็นผู้มีศักยภาพและผู้นำทางทหาร มีภาวะผู้นำ มีคุณธรรม จริยธรรม

ทั้งนี้ ในกรณีที่เห็นพฤติกรรมการลงโทษที่ไม่เหมาะสมให้ห้ามปรามและรายงานผู้บังคับบัญชาโดยด่วน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าระงับเหตุทันที หากไม่แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นการกระทำผิด หรือเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนร่วม จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบด้วย ย้ำว่านโยบายของกระทรวงกลาโหม เราให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อย่างมาก และเรามีความเจ็บปวดอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนเราเป็นพี่คนโต เรามีน้องอยู่สามคน เราห่วงน้องคนเล็กสุด ซึ่งการจะลงทัณฑ์น้องคนรองสุดท้อง เราก็ต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่กระทรวงกลาโหมได้ตัดสินใจแล้วว่าเราจะต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก และหากเกิดขึ้นอีกเราก็จะถูกตำหนิจากสังคม ยืนยันว่าเราจะดำเนินการมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]