รัฐสภา 16 ธ.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กลาโหม แจง สว. ปมทหารเกณฑ์เสียชีวิตในค่ายทหาร ลั่นไม่ให้เกิดเหตุอีก ยันสาเหตุไม่ได้มาจากการฝึกหนัก
การประชุมสมาชิกวุฒิสภา นัดแรก มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี ทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตในค่ายทหาร ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่นายภูมิธรรม มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาตอบแทน เนื่องจากติดภาระ
นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อยากทราบว่ากระทรวงกลาโหมมีมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติอย่างไร เพื่อไม่ให้มีทหารเกณฑ์เสียชีวิตจากการฝึกรับราชการทหารอีก และกระทรวงกลาโหมมีแผนหรือแนวทางในการเยียวยาแก่ครอบครัวทหารเกณฑ์ผู้เสียชีวิตในระหว่างรับราชการทหารอย่างไร รวมทั้งใช้งบประมาณจากส่วนไหนในการเยียวยา
ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของพลทหารศิริวัฒน์เป็นอย่างยิ่ง แต่ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมมีนโยบายอย่างเคร่งครัดในการกวดขันเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยสาเหตุการเสียชีวิตตามคำวินิจฉัยทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ มีการยืนยันว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว รวมถึงรายงานเรื่องการกู้ชีพฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แรกรับผู้ป่วยในเวลา 18.46 น. ผู้ป่วยไม่มีชีพจร ไม่หายใยจึงเริ่มกระตุ้นหัวใจทันทีและหยุดทั้งหมดในเวลา 19.24 น. ซึ่งไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายภายนอกร่างกายและอวัยวะภายในร่างกาย
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า พลทหารศิริวัฒน์ไม่ได้เพิ่งเข้ารับหารฝึก แต่ได้ผ่านการฝึกทหารใหม่มาแล้ว การฝึกที่นั่นเป็นการฝึกเฉพาะเหล่าเป็นวันที่ 2 และการฝึกในวันนั้น ช่วงเช้ามีการฝึกฐานราบเป็นเวลา 30 นาที แต่ช่วงบ่ายไม่มีการฝึก และการฝึกฐานราบอีกครั้งในเวลา 15.00 น. ใช้เวลาฝึกเวลา 30 นาที และให้พักผ่อนอีกครั้งจนถึงเวลา 16.30 น. เพื่อออกกำลังกายโดยวิธีการวิ่งและเดิน ก่อนจะออกกำลังกายอยู่กับที่ จึงไม่เป็นสาเหตุให้ร่างกายของพลทหารศิริวัฒน์ทนรับการฝึกไม่ได้ นอกจากนี้ ผลตรวจเลือดก็พบว่าไม่เข้ากับภาวะฮีทสโตรก ดังนั้น พลทหารศิริวัฒน์จึงไม่ได้รับการฝึกที่หนักหรือทรมานอันจะเป็นเหตุให้ร่างกายเกิดอันตรายจากความร้อนได้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นการกระทำของครูเวรเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำที่บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงพบว่าเวลา 16.30 น. ซึ่งเป็นเวลาออกกำลังกายวิ่งรอบสนาม 5 รอบ ไม่ได้มีการบังคับให้ต้องวิ่ง แต่ให้เดินออกกำลังกายแทน และมีการเห็นว่าพลทหารศิริวัฒน์เดินไปพักคอยเพื่อนๆ ที่ใต้ต้นไม้ เมื่อทุกคนออกกำลังกายเสร็จ ครูฝึกก็ปล่อยให้ไปพักผ่อนเพื่อรอเวลารับประทานอาหารเย็น ขณะนั้นทหารเกณฑ์คนอื่นๆ ได้เห็นพลทหารศิริวัฒน์เดินไปซื้อน้ำอัดลม ระหว่างที่พลทหารศิริวัฒน์นั่งดื่มน้ำอัดลมก็เกิดอาการหน้ามืด จะเป็นลม และนอนราบไปกับพื้น เพื่อนๆ ที่อยู่บริเวณนั้นจึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปที่โต๊ะครูเวรเพื่อเช็ดตัวและเปิดพัดลมให้พลทหารศิริวัฒน์ ซึ่งก่อนที่ครูเวรจะเตะไปที่ขาของพลทหารศิริวัฒน์นั้น พลทหารศิริวัฒน์ได้ดิ้นส่ายไปมา ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น ครูฝึกจึงให้เพื่อนๆ ของพลทหารศิริวัฒน์พาพลทหารศิริวัฒน์ไปรับประทานอาหาร แต่พลทหารศิริวัฒน์ไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ จึงต้องเอนกับพื้น ฉะนั้น การกระทำดังกล่าวของครูฝึกจึงไม่เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงพลทหารศิริวัฒน์ก็ไม่ได้ถูกควบคุมตัวตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัย สรุปผลการสอบสวนดังนี้ พ่วงร้อยฝึกทหารกองประจำการมีหน้าที่กำกับดูแลครูฝึกและทหารเกณฑ์ในกองร้อยฝึก พ่วงร้อยฝึกปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กองร้อยฝึก ขาดการกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและไม่สอดส่องดูแลอย่างเพียงพอ จึงลงโทษกักผบ.ร้อยฝึกทั้งหมด 5 วันและงดบำเหน็จประจำปี สำหรับนายทหารเวรวันนั้นมีหน้าที่รับคำสั่งผบ.ร้อยฝึกและชี้แจงการทำหน้าที่ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของครูฝึกในระหว่างวันรวมถึงดูแลทหารเกณฑ์ แต่ปรากฏว่านายทหารเวรไม่กำกับดูแลและควบคุมครูเวร ปล่อยครูเวรปฏิบัติหน้าที่ลำพัง บกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงลงโทษกักนายทหารเวรทั้งหมด 7 วันและงดบำเหน็จประจำปี ขณะที่ครูเวรให้การยอมรับว่าใช้ความรุนแรงต่อพลทหารศิริวัฒน์จริง จึงขอยอมรับผิดและลงทัณฑ์ในสิ่งที่ทำลงไป ฉะนั้น การกระทำของครูเวรที่เข้าข่ายการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงลงทัณฑ์ขังครูเวรเป็นเวลา 15 วันและงดบำเหน็จประจำปี
พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า สำหรับการเยียวยานั้น กระทรวงกลาโหมพิจารณาจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ทำขวัญ และอื่นๆ ให้ผู้เสียหายหรือทายาทโดยชอบธรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเป็นเงินสดจำนวน 1 แสนบาท และเงินค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ ในกรณีใช้เงินซึ่งข้าราชการในหน่วยบริจาคร่วมกันมอบเป็นเงินค่าชดเชยให้ญาติผู้เสียหาย และผู้กระทำผิดลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ญาติสามารถฟ้องเอาผิดได้ตามพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ และปัจจุบันญาติได้แจ้งความไว้แล้วอยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยจะมีการไปรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หากญาติเห็นว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็สามารถส่งฟ้องต่อได้ โดยกองทัพพร้อมอำนวยความสะดวก ยืนยันว่าในระดับนโยบายเรากำกับและกวดขันอย่างเคร่งครัดในเรื่องการลงโทษให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อคนหมู่มากก็เป็นธรรมดาอาจจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นบ้าง แต่เป้าหมายคือจะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ได้มีการกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก คือเน้นย้ำและเผยแพร่มาตรการควบคุมการลงทัณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายและธรรมเนียบให้ทหารเกณฑ์ทราบ ,อบรมทหารเกณฑ์ให้ทราบถึงการลงทัณฑ์หรือลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น การทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง โดยให้ดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงดำเนินการทางอาญา ซึ่งอาจส่งผลให้ถูกปลดออกจากราชการในที่สุด และพิจารณาความเหมาะสมของราชการกระทรวงกลาโหมในการเข้ามาทำหน้าที่ครูฝึก ครูปกครอง จะต้องเป็นผู้มีศักยภาพและผู้นำทางทหาร มีภาวะผู้นำ มีคุณธรรม จริยธรรม
ทั้งนี้ ในกรณีที่เห็นพฤติกรรมการลงโทษที่ไม่เหมาะสมให้ห้ามปรามและรายงานผู้บังคับบัญชาโดยด่วน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าระงับเหตุทันที หากไม่แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นการกระทำผิด หรือเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนร่วม จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบด้วย ย้ำว่านโยบายของกระทรวงกลาโหม เราให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อย่างมาก และเรามีความเจ็บปวดอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนเราเป็นพี่คนโต เรามีน้องอยู่สามคน เราห่วงน้องคนเล็กสุด ซึ่งการจะลงทัณฑ์น้องคนรองสุดท้อง เราก็ต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่กระทรวงกลาโหมได้ตัดสินใจแล้วว่าเราจะต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก และหากเกิดขึ้นอีกเราก็จะถูกตำหนิจากสังคม ยืนยันว่าเราจะดำเนินการมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด.-315.-สำนักข่าวไทย