บางขุนนนท์ 27 เม.ย. – กยท.เผยแนวทางแก้ปัญหาราคายางพารายั่งยืน เตรียมหารืออาลีบาบาขายยางออนไลน์ ตั้งบริษัทร่วมค้ากับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมเล็งลู่ทางจัดตั้งสำนักงานตัวแทนจำหน่ายยางพาราในต่างประเทศ
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการพัฒนาให้เกษตรกรชาวสวนยางที่เคยขายแต่น้ำยางพาราสด แปรรูปผลผลิตยางพาราเป็นยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางคอมปาวด์ นอกจากนี้ ทาง กยท.ยังได้วางแนวทางการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมค้าร่วมกับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง โดยรวบรวมยางพาราจากสถาบันเกษตรกรเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ทาง กยท.ยังมีแนวคิดตั้งสำนักงานตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น เมืองชิงเต่า ประเทศจีน เป็นต้น แต่จะต้องหาตลาดหรือผู้ซื้อให้ได้ก่อน โดยปัจจุบันตลาดจีนมีการใช้ยางถึงร้อยละ 35 ของปริมาณการใช้ทั่วโลก ส่วนอีกร้อยละ 65 จะอยู่ในตลาดยุโรปและอเมริกา รวมทั้งเอเชีย
ทั้งนี้ เมื่อสถาบันเกษตรกรมีความพร้อมมากขึ้นจะสามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น การนำยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น หมอน ที่นอนยางพารา ถุงมือ ถุงเท้ายาง ของใช้ในครัวเรือนเครื่องมือแพทย์ ยางล้อรถยนต์ ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความต้องการใช้ทั่วโลกอยู่ถึง 7,000-8,000 ล้านคน ขณะที่ไทยสามารถผลิตและส่งออกยางพาราได้ประมาณ 120,000 ตันต่อปี
“จะต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการขายแต่ยางแผ่นรมควันให้ตลาดต่างประเทศ ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ที่มีการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะไทยมีวัตถุดิบยางพาราอยู่ในมือ ปัจจุบันสามารถผลิตยางพาราได้มากที่สุดในโลก สำหรับเป้าหมายต่อไปเร็ว ๆ นี้จะขายยางพาราผ่านช่องทางออนไลน์คล้ายกับบริษัท อาลีบาบา และจะไปหารือกับบริษัท อาลีบาบา เพราะอาลีบาบามีลูกค้าอยู่ทั่วโลก” นายเยี่ยม กล่าว
ทั้งนี้ จะมีรายงานสถานการณ์ยางพาราให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานบอร์ด กยท.ได้รับทราบทุกวันจันทร์ เพื่อรายงานให้ ครม.รับทราบในวันอังคาร.-สำนักข่าวไทย