ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- นายกฯ ยืนยันไม่ดูดนักการเมือง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน ขณะที่ การลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้นัดตกลงทางการเมืองกับใคร พบปะตามปกติ ปัดใช้งบฯ 4 หมื่นล้าน ตั้งพรรคทหาร เตือนให้พูดอย่างระมัดระวัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า คสช.เดินสายดูดนักการเมือง โดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นข้อแลกเปลี่ยน ว่า คสช.ไม่ได้ทำอย่างที่นักการเมืองออกมาให้ข้อมูล เพราะตนไม่ใช่เครื่องดูดอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่น ดังนั้น ต้องกลับไปมองว่า รัฐบาลและ คสช.จะใช้อำนาจไหนไปบังคับ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะตัดสินใจ
“ยืนยันว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.บุรีรัมย์ ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นการลงพื้นที่ตามปกติ ไม่ได้นัดพบเป็นการส่วนตัวกับนักการเมืองในพื้นที่ โดยเฉพาะตระกูลชิดชอบ และไม่ได้ไปตกลงทางการเมืองกับใครทั้งสิ้น หากมีการต้อนรับหรือจะพบกัน ก็เป็นการพบปะกันเช่นเดียวกับพบประชาชนในสถานที่ที่เปิดเผย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องการให้ใช้คำว่าดูดนักการเมือง ต้องดูที่ผลงานการเมืองของแต่ละคน โดยเฉพาะการดูแลประชาชน การนำความเห็นประชาชนไปสู่รัฐบาล ผมให้ความสำคัญกับ ส.ส.ในพื้นที่ทุกคนเท่าเทียมกันหรือไม่ เพราะเชื่อว่านักการเมืองทุกคนเข้ามา ก็อยากทำเพื่อบ้านเมือง แต่อาจติดที่นโยบายพรรค ซึ่งแนวทางการทำงานรัฐบาลและ คสช. ไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม และภายหลังจากการตตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ก็ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องประเด็นทางการเมือง ร้อมย้ำว่า ต้องการให้เข้ามาดูแลภาคตะวันออก เพราะได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก ไม่ได้มุ่งหวังทางการเมืองใดๆ
ต่อข้อถามว่า หากมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ตอบรับใครซักคน และยังไม่ได้ตัดสินใจ ว่าจะเข้าร่วมกับพรรคใด ซึ่งตนอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะทำหน้าที่ใด ต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ คือต้องสามารถทำให้ทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศให้ได้ ด้วยกลไกประชาธิปไตยและต้องการเห็นนักการเมืองดีๆ เข้ามาช่วยทำงานให้กับประเทศ ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็ต้องการได้คนดี เพราะในที่สุด ส.ส.ก็ต้องลงไปดูแลประชาชนในพื้นที่
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า คสช.สั่งนักธุรกิจกลุ่มใหญ่ห้ามสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูที่ข้อกฏหมาย ว่าทำได้หรือไม่ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปห้าม
ต่อกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า คสช. เตรียมสืบทอดอำนาจโดยใช้เงินตั้งพรรคทหารถึง 4,000 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดหลายครั้ง และหลายประเด็น แล้วก็เงียบหายไป จึงขอให้ไปหาข้อมูลว่า จะเอาเงินมาจากไหน เพราะไม่ใช่เงินน้อยๆ
“โครงการทุกๆ โครงการมีการตรวจสอบ แล้วจะเอาเงินมาจากไหนได้ ตั้ง 40,000 ล้าน แล้วจะเอาเงินจำนวนนี้ไปตั้งพรรคการเมืองหรือ เอาเงินจำนวนนี้ไปดูแลประชาชนไม่ดีกว่าหรือ ผมยืนยันและพูดได้ 100% ว่า ผมไม่ได้มีทุจริตใดๆ อะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นในระบบก็ต้องไปว่ากัน ว่าใครรับผิดชอบ ก็ต้องไปแก้ปัญหา รัฐบาลจะดูในภาพรวม และนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความโปร่งใสในทุกๆ ภาคส่วน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูว่า การออกมาพูดแบบนี้ ทำให้เกิดความเสียหายอะไรหรือไม่อย่างไร รวมถึง สื่อสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่นำมาเผยแพร่ด้วย เพราะถ้าเผยแพร่โดยไม่มีหลักฐาน ก็มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดูแลอยู่ ก็ขอให้ระมัดระวังกันด้วย เพราะไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน และย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ขู่ แต่เตือนให้ทราบ .- สำนักข่าวไทย