อำนาจเจริญ 23 เม.ย.-ชายวัย 28 ปี ลาออกจากงานมาดูแลภรรยาที่ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย ผู้ใจบุญเร่งบริจาคช่วยเหลือ ด้านเจ้าหน้าที่เยียวยาเบื้องต้นแล้ว
เพจฮักอำนาจเจริญ แชร์ภาพของหนุ่มคนหนึ่งกำลังกอดภรรยาที่ดูเหมือนกำลังป่วย บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเองที่ใช้ชื่อว่า บุคคล ศูนย์หาย กับข้อความที่ว่า “จากแขนขาที่เคยใช้งานได้ แต่เดียวนี้ครึ่งซ้ายของร่างกายเริ่มปวดและอ่อนแรง ไม่เป็นไรเนาะขอแค่ใจเธอยังสู้และหายใจฉันจะดูแลเธอเองนะ..เก๋ ซึ่งทำให้เหล่าบรรดาชาวโซเซียลต่างพากันแชร์กันเป็นจำนวนมาก โดยจากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า ภรรยาของชายคนดังกล่าวป่วยเป็นมะเร็งต่อน้ำเหลืองระยะสุดท้าย โดยที่สามีต้องออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อมาดูแลภรรยา
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 55 ม.13 ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เพื่อลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้ยกสูงมีใต้ถุนบ้าน พบนายเพทประเสริฐ วรรณกาล อายุ 28 ปี เจ้าของเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า บุคคล ศูนย์หาย และน.ส.ศศิมาภรณ์ บุญโท อายุ 27 ปี ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า โดยต่อถังออกซิเจน เพื่อช่วยในการหายใจให้สะดวกขึ้น โดยที่ทั้งคู่มีลูกชายวัย 10 ปี 1 คน
นายเพทประเสริฐ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงต้นปี 59 ภรรยาของตนมีอาการไอเรื้อรังติดต่อกัน จึงได้พาเข้าไปรักษาตัวที่ รพ.อำนาจเจริญ จากการตรวจครั้งแรกนั่นทาง รพ.อำนาจเจริญ คาดว่าจะมีก้อนเนื้อที่ปอด จึงได้ส่งตัวภรรยาของตนไปที่ รพ.สรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจในครั้งนั้นแพทย์ผ่าชิ้นเนื้อและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือระยะที่ 2 จึงได้รักษาด้วยการทำคลีโมและฉายแสง แต่อาการไม่ดีขึ้น ทรุดลงเรื่อยๆ ประกอบกับที่ต้องนั่งรถจากอำนาจเจริญไปกลับอุบลราชธานี อยู่บ่อยครั้งเพื่อรักษาอาการป่วย แต่ด้วยความที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ประกอบกับที่ต้องลาออกจากงานประจำเพื่อพาภรรยาไปรักษาตัว จึงทำให้เงินเก็บที่มีไม่เหลือสักบาท เพราะนำมาใช้จ่ายเป็นค่ารักษาภรรยาจนหมด และครั้งล่าสุดที่ไปตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็งระยะขั้นสุดท้ายแล้ว ภรรยาจึงบอกกับตนว่าไม่ต้องรักษาแล้วขอกลับไปนอนตายอย่างสงบที่บ้านดีกว่า ซึ่งตอนนี้อาการของภรรยาของตนก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ต้องใช้ออกซิเจนช่วยในการหายใจอยู่ตลอด แต่เนื่องจากตนเองไม่ได้ทำงานจึงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อถังออกซิเจนมาเปลี่ยนให้ภรรยา จึงได้สินใจโพสต์ลงเฟซบุ๊ก จนมีการแชร์ต่อๆ กันและมีคนโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือพอให้ต่อชีวิตของน้องไปได้อีกสักระยะหนึ่ง ยังไงผมก็ยังอยากจะดูแลเธอให้จนถึงที่สุด เพราะเธอคือรักแท้ของผม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังที่จากที่เรื่องดังกล่าวได้แพร่ออกไปในโลกโซเซียล มีผู้ใจบุญนำเงินมาบริจาคให้กับสามีและภรรยาคู่นี้ รวมถึงให้ทุนการศึกษาแก่ลูกของสามีภรรยาคู่ดังกล่าว พร้อมทั้งยังได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมสงเคราะห์ก็ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย