ไทยจับมืออาลีบาบา รองรับไทยแลนด์ 4.0 ยืนยันไม่มุ่งหวังผูกขาดการค้าไทย

กรุงเทพฯ 19 เม.ย.- ไทยจับมืออาลีบาบา รองรับไทยแลนด์ 4.0  ยืนยันไม่มุ่งหวังผูกขาดการค้าไทย รองนายกฯสมคิด โปรยยาหอม อาลีบาบามาถูกจังหวะ ทั้งเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว และเพื่อช่วยรายย่อยพัฒนาสินค้าสู่ตลาดออนไลน์ เปิดรับออเดอร์ผ่านเว็บเพียง 2  วันออเดอร์ทุเรียนทะลัก 6 หมื่นลูก พร้อมขยายไปยังผลไม้ สินค้าเกษตรอื่น


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายลวี่ เจี้ยน เอกอัครราชฑูตจีน ประจำประเทศไทย และนายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Group  พร้อมด้วยรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยและบริษัทในเครือ  Alibaba Group  เพื่อความร่วมมือลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ โดยมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ภาคเอกชน มาร่วมงานลงนามครั้งนี้จำนวนมาก 


นายสมคิด กล่าวว่า การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเขต EEC ของไทย แสดงถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตของไทยจากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Alibaba Group  เพราะจะทำให้ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดทวีคูณ เพราะการเข้ามาลงทุนในช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะสมอย่างมาก เพราะหากเข้ามาก่อนหน้าหรือหลังจากนี้คงไม่เหมาะเท่าไร เนื่องจากขณะนี้จีดีพีกำลังฟื้นตัวและคาดว่าจะเกินร้อยละ 4 จึงเป็นโอกาสต่อการปฏิรูปด้านต่างๆง่ายขึ้น ไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพัฒนาเอสเอ็มอีไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล จึงสามารถนำสินค้าชุมชน สินค้าเกษตรเปิดตลาดผ่านออนไลน์ได้ และก้าวไปสู่ตลาดโลก อีกทั้งไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสวยงาม อาหารอร่อย เป็นที่ต้องการของชาวจีน ชนชั้นกลางของไทยเริ่มคิดหาการสร้างโอกาสทำธุรกิจผ่านโลกยุคใหม่ 

ทั้งนี้ การที่ Alibaba มาร่วมทุ่มเทด้วยหัวใจ เพื่อสร้างพันธมิตร ช่วยเหลือชุมชนในกลุ่มอาเซียน ไม่ได้หวังเพียงรายได้ทางธุรกิจ จากนี้ไปหมู่บ้านไหน ออนไลน์เข้าสู่แพลทฟอร์มเพื่อเปิดตลาดสู่สังคมโลก Alibaba ยังพร้อมช่วยเหลือพัฒนาบุคลากร ด้วยการตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากร เมื่อนำสถาบันการศึกษามาตั้งในเขตอีอีซีของไทย รายย่อยจะได้มีโอกาสเรียนรู้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะสร้างธุรกิจได้ การลงทุนทั้งโลจิสติกส์เริ่มแรกหมื่นล้านบาท และเสนอขอสิทธิ์บีโอไอด้านอื่นเพิ่มเติม 

นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Group  กล่าวว่า  ไทยได้มียุทธศาสตร์ปฏิรูปอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี ไทยแลนด์ 4.0 การพัฒนาคนรุ่นใหม่ นับเป็นกลุ่มเป้าหมายของ Alibaba ที่ต้องการเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านตลาดการค้าออนไลน์ ไทยมีศักยภาพทั้ง วัฒนธรรม ทะเลสวยงาม อาหารอร่อย ผลไม้หลากหลาย เมื่อรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ นำเข้าสินค้า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงเป็นโอกาสของเอเชียส่งสินค้าไปยังจีน เพราะคนระดับกลางที่มีกำลังซื้อจะเพิ่มจาก 300 ล้านคน เพิ่มเป็นอีกหลายร้อยล้านคน ไทยจึงมีโอกาสส่งออกสินค้า ข้าว ผลไม้ อย่างเช่นทุเรียน ออกไปสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น 


Alibaba ไม่ขอรับสิทธิ์ประโยชน์พิเศษใดๆ จากรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษ แต่ต้องการให้สิทธิ์กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ยอมรับว่า สงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจกำลังเกิดขึ้น แต่ในส่วนของการดำเนินธุรกิจของ Alibaba ต้องการมุ่งไปสู่โลกเสรีการค้า ไม่มีการปกป้องคุ้มครองเอกชนของตนเอง Alibaba ไม่ได้มุ่งหวังเข้าไปผูกขาดการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะนอกจากความร่วมมือกับไทยและมาเลเซียแล้ว ยังเดินหน้าไปสร้างพันธมิตรกับแอฟริกา อเมริกาใต้ มุ่งแสวงหาประเทศที่มียุทธศาสตร์สอดคล้องหรือมีเคมีตรงกันกับ Alibaba ที่ต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี ยอมรับว่า นอกจากธุรกิจการค้าแล้ว ยังมุ่งศึกษาวิจัยรถยนต์แบบไร้คนขับ เพราะยุคปัจจุบันผู้คนอาศัยอยู่ในรถนานขึ้น จึงต้องอำนวยความสะดวกรองรับการทำงาน หรือใช้งานในรถยนต์ให้มีความสะดวก 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  การลงนามของ Alibaba ร่วมกับหลายหน่วยงาน  ประกอบด้วย   1) โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ลงทุนในพื้นที่ EEC  เพื่อเป็นศูนย์ประมวลข้อมูลโลจิสติกส์รองรับขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก   2) โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรรองรับการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E – Commerce  โดยอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  มุ่งพัฒนากลุ่มคนเก่ง หรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) โดยอาลีบาบาเสนอให้วิทยาลัยธุรกิจ Alibaba นำ Platform E – Commerce มาใช้อบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย 

3) โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ Startup ระดับชุมชนทั่วประเทศ   4) อาลีบาบา เตรียมร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำ Thailand Tourism Platform บนออนไลน์เชื่อมโยงข้อมูลทางการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน คาดว่ารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิรซ์จะเติบโต 113,400 ล้านบาท  ในปี 2561 เพิ่มเป็น 186,500 ล้านบาท ในปี 2565  หลังเตรียมเดินหน้าลงทุนในเขตอีอีซี  กว่า 1.8 แสนล้านบาท กระทรวงด้านเศรษฐกิจของไทย ทั้งอุตสาหกรรม พาณิชย์ คลัง บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อพัฒนาไปสู่ตลาดโลก 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไทยได้เตรียมนำสินค้าโอท็อบ สินค้าเอสเอ็มอีคุณภาพ วางจำหน่ายบนเว็บไวต์ jmall ของจีน เพราะมีลูกค้าชาวจีนทั่วโลกถึง 650 ล้านคน เป็นชาวจีน 500 ล้านคน ส่วนที่เหลือเป็นชาวจีนโพ้นทะเล 150 ล้านคน นับว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มาก เมื่อเชื่อมโยงตลาดผ่านออนไลน์ จะมีศักยภาพส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้น เพียงแค่ 2 วันในการเดินทางมาร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ Alibaba เปิดเว็บไซท์รับพรีออเดอร์ ทุเรียน พบว่าชาวจีนสนใจสั่งจองถึง 6 หมื่นลูก มูลค่า 60 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมขยายไปยังสินค้าผลไม้อื่นเพิ่มเติม 

นายสุชีชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า เมื่อภาคอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายต้องการบุคคลากรอาชีวะจำนวนมาก มหาวิทยาลัยหลายแห่งจึงร่วมกับภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมฯ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียน การสอน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ด้านวิศวะ เทคนิคคุณภาพ ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์  การออกแบบ การจัดการข้อมูล เพราะอาชีวะแบบเดิมรองรับความต้องการได้ไม่ทัน เมื่อเรียนจบต้องมีรายได้ผลตอบแทนสูงไม่แพ้ระดับปริญญาตรี และต้องมีเส้นทางการเติบโตในวิชาชีพ เพื่อดึงดูดคนให้เข้าเรียนอาขีวะมากขึ้น เมื่อ Alibaba  เข้ามาลงทุนในประเทศไทย จึงถือเป็นโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพราะเป็นสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์และการตลาดออนไลน์ 

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กว่าวว่า เมื่อ Alibaba ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรม เตรียมเข้ามาลงทุนเพิ่ม เพราะนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่น หลังกฎหมายอีอีซีผ่านความเห็นชอบจากสภา และการลงทุนในเขตอีอีซีจากนี้จะเริ่มมองเห็นความชัดเจนมากขึ้น เพราะทั้งอุตสาหกรรมศูนย์การบิน รถไฟฟ้า ดิจิตอลปาร์ค จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]