ไทยจับมืออาลีบาบา รองรับไทยแลนด์ 4.0 ยืนยันไม่มุ่งหวังผูกขาดการค้าไทย

กรุงเทพฯ 19 เม.ย.- ไทยจับมืออาลีบาบา รองรับไทยแลนด์ 4.0  ยืนยันไม่มุ่งหวังผูกขาดการค้าไทย รองนายกฯสมคิด โปรยยาหอม อาลีบาบามาถูกจังหวะ ทั้งเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว และเพื่อช่วยรายย่อยพัฒนาสินค้าสู่ตลาดออนไลน์ เปิดรับออเดอร์ผ่านเว็บเพียง 2  วันออเดอร์ทุเรียนทะลัก 6 หมื่นลูก พร้อมขยายไปยังผลไม้ สินค้าเกษตรอื่น


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายลวี่ เจี้ยน เอกอัครราชฑูตจีน ประจำประเทศไทย และนายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Group  พร้อมด้วยรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยและบริษัทในเครือ  Alibaba Group  เพื่อความร่วมมือลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ โดยมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ภาคเอกชน มาร่วมงานลงนามครั้งนี้จำนวนมาก 


นายสมคิด กล่าวว่า การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเขต EEC ของไทย แสดงถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตของไทยจากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Alibaba Group  เพราะจะทำให้ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดทวีคูณ เพราะการเข้ามาลงทุนในช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะสมอย่างมาก เพราะหากเข้ามาก่อนหน้าหรือหลังจากนี้คงไม่เหมาะเท่าไร เนื่องจากขณะนี้จีดีพีกำลังฟื้นตัวและคาดว่าจะเกินร้อยละ 4 จึงเป็นโอกาสต่อการปฏิรูปด้านต่างๆง่ายขึ้น ไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพัฒนาเอสเอ็มอีไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล จึงสามารถนำสินค้าชุมชน สินค้าเกษตรเปิดตลาดผ่านออนไลน์ได้ และก้าวไปสู่ตลาดโลก อีกทั้งไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสวยงาม อาหารอร่อย เป็นที่ต้องการของชาวจีน ชนชั้นกลางของไทยเริ่มคิดหาการสร้างโอกาสทำธุรกิจผ่านโลกยุคใหม่ 

ทั้งนี้ การที่ Alibaba มาร่วมทุ่มเทด้วยหัวใจ เพื่อสร้างพันธมิตร ช่วยเหลือชุมชนในกลุ่มอาเซียน ไม่ได้หวังเพียงรายได้ทางธุรกิจ จากนี้ไปหมู่บ้านไหน ออนไลน์เข้าสู่แพลทฟอร์มเพื่อเปิดตลาดสู่สังคมโลก Alibaba ยังพร้อมช่วยเหลือพัฒนาบุคลากร ด้วยการตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากร เมื่อนำสถาบันการศึกษามาตั้งในเขตอีอีซีของไทย รายย่อยจะได้มีโอกาสเรียนรู้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะสร้างธุรกิจได้ การลงทุนทั้งโลจิสติกส์เริ่มแรกหมื่นล้านบาท และเสนอขอสิทธิ์บีโอไอด้านอื่นเพิ่มเติม 

นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Group  กล่าวว่า  ไทยได้มียุทธศาสตร์ปฏิรูปอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี ไทยแลนด์ 4.0 การพัฒนาคนรุ่นใหม่ นับเป็นกลุ่มเป้าหมายของ Alibaba ที่ต้องการเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านตลาดการค้าออนไลน์ ไทยมีศักยภาพทั้ง วัฒนธรรม ทะเลสวยงาม อาหารอร่อย ผลไม้หลากหลาย เมื่อรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ นำเข้าสินค้า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงเป็นโอกาสของเอเชียส่งสินค้าไปยังจีน เพราะคนระดับกลางที่มีกำลังซื้อจะเพิ่มจาก 300 ล้านคน เพิ่มเป็นอีกหลายร้อยล้านคน ไทยจึงมีโอกาสส่งออกสินค้า ข้าว ผลไม้ อย่างเช่นทุเรียน ออกไปสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น 


Alibaba ไม่ขอรับสิทธิ์ประโยชน์พิเศษใดๆ จากรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษ แต่ต้องการให้สิทธิ์กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ยอมรับว่า สงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจกำลังเกิดขึ้น แต่ในส่วนของการดำเนินธุรกิจของ Alibaba ต้องการมุ่งไปสู่โลกเสรีการค้า ไม่มีการปกป้องคุ้มครองเอกชนของตนเอง Alibaba ไม่ได้มุ่งหวังเข้าไปผูกขาดการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะนอกจากความร่วมมือกับไทยและมาเลเซียแล้ว ยังเดินหน้าไปสร้างพันธมิตรกับแอฟริกา อเมริกาใต้ มุ่งแสวงหาประเทศที่มียุทธศาสตร์สอดคล้องหรือมีเคมีตรงกันกับ Alibaba ที่ต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี ยอมรับว่า นอกจากธุรกิจการค้าแล้ว ยังมุ่งศึกษาวิจัยรถยนต์แบบไร้คนขับ เพราะยุคปัจจุบันผู้คนอาศัยอยู่ในรถนานขึ้น จึงต้องอำนวยความสะดวกรองรับการทำงาน หรือใช้งานในรถยนต์ให้มีความสะดวก 

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  การลงนามของ Alibaba ร่วมกับหลายหน่วยงาน  ประกอบด้วย   1) โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ลงทุนในพื้นที่ EEC  เพื่อเป็นศูนย์ประมวลข้อมูลโลจิสติกส์รองรับขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก   2) โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรรองรับการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E – Commerce  โดยอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  มุ่งพัฒนากลุ่มคนเก่ง หรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) โดยอาลีบาบาเสนอให้วิทยาลัยธุรกิจ Alibaba นำ Platform E – Commerce มาใช้อบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย 

3) โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ Startup ระดับชุมชนทั่วประเทศ   4) อาลีบาบา เตรียมร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำ Thailand Tourism Platform บนออนไลน์เชื่อมโยงข้อมูลทางการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน คาดว่ารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิรซ์จะเติบโต 113,400 ล้านบาท  ในปี 2561 เพิ่มเป็น 186,500 ล้านบาท ในปี 2565  หลังเตรียมเดินหน้าลงทุนในเขตอีอีซี  กว่า 1.8 แสนล้านบาท กระทรวงด้านเศรษฐกิจของไทย ทั้งอุตสาหกรรม พาณิชย์ คลัง บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อพัฒนาไปสู่ตลาดโลก 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไทยได้เตรียมนำสินค้าโอท็อบ สินค้าเอสเอ็มอีคุณภาพ วางจำหน่ายบนเว็บไวต์ jmall ของจีน เพราะมีลูกค้าชาวจีนทั่วโลกถึง 650 ล้านคน เป็นชาวจีน 500 ล้านคน ส่วนที่เหลือเป็นชาวจีนโพ้นทะเล 150 ล้านคน นับว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มาก เมื่อเชื่อมโยงตลาดผ่านออนไลน์ จะมีศักยภาพส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้น เพียงแค่ 2 วันในการเดินทางมาร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ Alibaba เปิดเว็บไซท์รับพรีออเดอร์ ทุเรียน พบว่าชาวจีนสนใจสั่งจองถึง 6 หมื่นลูก มูลค่า 60 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมขยายไปยังสินค้าผลไม้อื่นเพิ่มเติม 

นายสุชีชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า เมื่อภาคอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายต้องการบุคคลากรอาชีวะจำนวนมาก มหาวิทยาลัยหลายแห่งจึงร่วมกับภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมฯ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียน การสอน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ด้านวิศวะ เทคนิคคุณภาพ ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์  การออกแบบ การจัดการข้อมูล เพราะอาชีวะแบบเดิมรองรับความต้องการได้ไม่ทัน เมื่อเรียนจบต้องมีรายได้ผลตอบแทนสูงไม่แพ้ระดับปริญญาตรี และต้องมีเส้นทางการเติบโตในวิชาชีพ เพื่อดึงดูดคนให้เข้าเรียนอาขีวะมากขึ้น เมื่อ Alibaba  เข้ามาลงทุนในประเทศไทย จึงถือเป็นโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพราะเป็นสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์และการตลาดออนไลน์ 

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กว่าวว่า เมื่อ Alibaba ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรม เตรียมเข้ามาลงทุนเพิ่ม เพราะนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่น หลังกฎหมายอีอีซีผ่านความเห็นชอบจากสภา และการลงทุนในเขตอีอีซีจากนี้จะเริ่มมองเห็นความชัดเจนมากขึ้น เพราะทั้งอุตสาหกรรมศูนย์การบิน รถไฟฟ้า ดิจิตอลปาร์ค จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]