อนาคตใหม่ ยื่นคสช.ขออนุญาตจัดประชุมพรรค

สำนักงาน กกต. 9 เม.ย.- อนาคตใหม่ ยื่น คสช.ขออนุญาตจัดประชุมตั้งพรรค หวังไม่เลือกระหว่างพรรคหนุนกับไม่หนุน ” ประยุทธ์” เป็นนายก   จี้ยกเลิก 3 คำสั่งหัวหน้า คสช.เปิดเสรีทางความคิด สร้างบรรยายกาศเดินหน้าเลือกตั้ง 


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหนังสือขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุมเพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองผ่าน กกต. และทวงถามความคืบหน้าในการตอบรับการยื่นจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากใกล้ครบเวลา 30 วัน ในวันที่ 15 เม.ย. แล้ว แต่ทางพรรคยังไม่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง ( แบบพ.ก. 7/2) จาก กกต. เกรงว่าจะติดช่วงวันหยุดสงกรานต์จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป เพราะทราบว่า คสช.ได้อนุญาตให้ 13 พรรคการเมืองที่ขอจัดตั้งใหม่ ดำเนินการจัดประชุมได้  

นายปิยบุตร กล่าวว่า ทางพรรคออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยัง คสช. 3 ข้อ  คือ 1. อยากให้คสช.ยกเลิกข้อ 4 และข้อ 8 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560  และอนุญาตให้พรรคอนาคตใหม่ได้จัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค. ตามที่ร้องขอ โดยหวังว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 กำหนดว่าภายใน 6 เดือนหลังจดจัดตั้งพรรค ต้องจดทะเบียนพรรคให้เสร็จสมบูรณ์หมายความว่า ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 เดือน ที่ต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน  ระดมทุนประเดิมจากสมาชิกให้ได้ 1 ล้านบาท จัดเตรียมนโยบายข้อบังคับพรรค รวมถึง การเลือกผู้บริหารพรรค  


“คสช.จึงต้องรีบอนุมัติให้พรรคได้ประชุมโดยเร็ว เพราะตามกฎหมายไม่มีกรอบเวลากำหนดว่าคสช.จะต้องอนุญาตเมื่อใด ยิ่งช้ายิ่งเกิดความเสียหายกับพรรค และหากต้องการทำตามที่นายกฯเคยพูดว่าต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมืองก็ต้องยิ่งให้มีการประชุมพรรคโดยเร็ว”  นายปิยบุตร กล่าว 

นายปิยบุตร กล่าวว่า 2. ให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง  เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่  เพราะหากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ปก็จะเกิดการเลือกตั้งช้าสุดในเดือน ก.พ. 62  เหลือเวลาอีกเพียง 10 เดือนถือว่าสั้นมากกับการทำพรรค เพราะทุกพรรคถูกจำกัดเสรีภาพนานถึง 4 ปี  เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สะท้อนเจตน์จำนงของประชาชนและพรรคการเมืองสามารถรณรงค์ได้ตามมาตรฐานในรัฐเสรีประชาธิปไตยก็ต้องปลดล็อคคำสั่งทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด  และ  3. คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558  ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน  และให้ยกเลิกการดำเนินคดีทางกฎหมายกับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทันที 

“ผมคิดว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในทางการเมืองเพราะ คสช.ก็ยังมีอำนาจบริหารอยู่  ถ้าเปิดเสรีภาพให้พรรคการเมืองรณรงค์มีการแลกเปลี่ยนพูดจากัน จะสร้างบรรยากาศที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เห็นถึงเส้นทางไปสู่โรดเม็ปว่าจะเกิดขึ้นจริง  การยกเลิกคำสั่งที่เป็นอุปสรรค และยุติการดำเนินคดีจะเป็นการสร้างบรรยากาศในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง และเป็นการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหาร สู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ  หากไม่ทำเช่นนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยยังมีการจำกัดเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชนก็จะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยแต่เป็นเพียงพิธีกรรมที่ใช้ประกอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการสืบทอดอำนาจเท่านั้น และหวังว่าคสช.ในฐานะผู้มีอำนาจจะไม่เลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กับพรรคที่ไม่ได้ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายก ซึ่งพรรคยังคงยืนยันจะไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี”นายปิยะบุตร กล่าว


นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีเหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพของ ประชาชน  พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่กำลังจัดตั้งพรรค  การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแม้จะทำให้การเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไปจากปัญหาทางเทคนิคก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพ   เพราะเราไม่เห็นเสรีภาพมา 4 ปีแล้ว 

นายปิยบุตร กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ตรงไปตรงมา  ซี่งเชื่อว่า คสช.คงเข้าใจประเด็นนี้ และหาทางจัดการเรื่องต่าง ๆ จึงอยากบอกว่าไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดความขัดแย้งเพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ช่วยขจัดความขัดแย้งทางความคิดได้อย่างสันติที่สุด  ด้วยการที่เปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงออก ซึ่งตนยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เชื่อว่าประเทศนี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้คงไม่มีการยื่นจัดตั้งพรรค และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปร่วมกับคสช.ในเดือนมิ.ย.หรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไมได้เป็นพรรคแบบสมบูรณ์เลย และยังไมได้รับเชิญ 

ด้านนายธนาธร  กล่าวว่า หลังยื่นขอจัดตั้งพรรคก็มีผู้สนับสนุนขอให้ไปรับฟังปัญหา จึงมีการลงพื้นที่เช่นที่  จ.ตรัง และพื้นที่ในภาคใต้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี   แต่ก็มีปัญหาในเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับประชาชนได้มากเกี่ยวกับเรื่องของนโยบาย และขณะนี้มีความต้องการแลกเปลี่ยนที่เป็นประชาธิปไตยไม่สามารถปิดกั้นได้แล้ว  คสช.ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้ง การที่อ้างเรื่องนี้เป็นเพียงคำพูดที่สร้างความหวาดกลัว  แต่น่าจะเข้าใจว่า การเมืองแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลแล้ว  

“สิ่งที่เป็นปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเส้นแบบอยู่ตรงไหน เวลาที่คสช.บอกว่าอย่าล้ำเส้นในทางกฎหมาย ก็ไม่ได้เขียนชัดเจนว่าอะไรทำได้ไม่ได้  จึงไม่รู้จะวางตัวอย่างไร ที่จะเหมาะสม แต่เห็นว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงและชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นจึงขอให้ปล่อยให้เราได้ทำกิจกรรมทางการเมือง  ให้ดอกไม้ได้บาน ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่า ก.พ. 62 เราพร้อมหมด ขอให้มีการเลือกตั้งก็แล้วกัน”นายธนาธร กล่าว  

นายธนาธร  กล่าวว่า หากหลังการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ  พรรคก็พร้อมเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน เพราะเรายืนหยัดอย่างชัดเจนว่าประชาชนควรได้รับสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย  ดังนั้นขอพูดให้ชัดเจนไว้ว่า หากพรรคได้รับการอนุมัติให้ก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง   เราจะไม่สนับสนุนนายกฯคนนอก  และไม่ร่วมรัฐบาลกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก ระบอบ  คสช. .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย

น่าน จมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว

น่าน 24 ก.ค.-น้ำท่วมตัวเมืองน่านวิกฤติหนัก หลังน้ำยังเพิ่มสูงบางจุดท่วมมิดชั้น 2 แล้ว และขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กม. รวมทั้ง รพ.น่าน ที่ต้องย้ายผู้ป่วยไปที่สนามบิน น้ำท่วมตัวเมืองน่านเรียกว่าสาหัสสากรรจ์จริงๆ ตอนนี้เมืองน่านจมมาบาดาลเกือบทั้งเมืองแล้ว จากที่ประเมินเท่ากับน้ำท่วมใหญ่ปี 49 ซึ่งเป็นน้ำท่วมใหญ่รอบร้อยปี แต่ตอนนี้น่าจะหนักเกินแล้ว น้ำท่วมถึงชุมชนสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากริมน้ำน่าน 4 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่าระดับไม่สูง แต่ด้านในสูงถึงคอแล้ว การเข้าออกต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว และน้ำยังเพิ่มขึ้น ชาวบ้านยังเร่งอพยพข้าวของออกมา เขตเศรษฐกิจเมืองน่านไม่ต้องพูดถึงจมน้ำสูงกว่า 1 เมตร วัดวาอารามหลายแห่งถูกน้ำท่วม และยิ่งชุมชนใกล้น้ำน่านบ้านเรือนหลายพันหลังถูกน้ำท่วมสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน อย่างเจ้าของบ้านรายนี้ถ่ายภาพจากชั้น 2 ของบ้านย่านชุมชนบ้านพระเกิด ไม่ไกลจากโรงพยาบาลน่าน ส่งมาให้ทีมข่าว จะเห็นว่าน้ำท่วมสูงเกินรั้วบ้านและกำลังจะขึ้นชั้นสอง และมีชาวบ้านที่ติดอยู่ในบ้านกลางน้ำท่วมสูงอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปช่วยแต่เรือมีจำกัดและน้ำยังไหลเชี่ยว ทำให้บางจุดยังไม่สามารถเข้าไปได้ ชาวบ้านบางส่วนต้องเดินฝ่าน้ำท่วมสูงถึงคอออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งโรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบอกว่า ตอนนี้น้ำท่วมสูงมาก ตึกอาคารเก่าน้ำท่วมถึงหน้าอก แต่ผู้ป่วยในราว 3 ร้อยคนอยู่บนตึกใหม่ตั้งแต่ชั้น 2 ปลอดภัยดี […]

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย