อนาคตใหม่ ยื่นคสช.ขออนุญาตจัดประชุมพรรค

สำนักงาน กกต. 9 เม.ย.- อนาคตใหม่ ยื่น คสช.ขออนุญาตจัดประชุมตั้งพรรค หวังไม่เลือกระหว่างพรรคหนุนกับไม่หนุน ” ประยุทธ์” เป็นนายก   จี้ยกเลิก 3 คำสั่งหัวหน้า คสช.เปิดเสรีทางความคิด สร้างบรรยายกาศเดินหน้าเลือกตั้ง 


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหนังสือขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุมเพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองผ่าน กกต. และทวงถามความคืบหน้าในการตอบรับการยื่นจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากใกล้ครบเวลา 30 วัน ในวันที่ 15 เม.ย. แล้ว แต่ทางพรรคยังไม่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง ( แบบพ.ก. 7/2) จาก กกต. เกรงว่าจะติดช่วงวันหยุดสงกรานต์จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป เพราะทราบว่า คสช.ได้อนุญาตให้ 13 พรรคการเมืองที่ขอจัดตั้งใหม่ ดำเนินการจัดประชุมได้  

นายปิยบุตร กล่าวว่า ทางพรรคออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยัง คสช. 3 ข้อ  คือ 1. อยากให้คสช.ยกเลิกข้อ 4 และข้อ 8 ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560  และอนุญาตให้พรรคอนาคตใหม่ได้จัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค. ตามที่ร้องขอ โดยหวังว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 กำหนดว่าภายใน 6 เดือนหลังจดจัดตั้งพรรค ต้องจดทะเบียนพรรคให้เสร็จสมบูรณ์หมายความว่า ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 เดือน ที่ต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน  ระดมทุนประเดิมจากสมาชิกให้ได้ 1 ล้านบาท จัดเตรียมนโยบายข้อบังคับพรรค รวมถึง การเลือกผู้บริหารพรรค  


“คสช.จึงต้องรีบอนุมัติให้พรรคได้ประชุมโดยเร็ว เพราะตามกฎหมายไม่มีกรอบเวลากำหนดว่าคสช.จะต้องอนุญาตเมื่อใด ยิ่งช้ายิ่งเกิดความเสียหายกับพรรค และหากต้องการทำตามที่นายกฯเคยพูดว่าต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมืองก็ต้องยิ่งให้มีการประชุมพรรคโดยเร็ว”  นายปิยบุตร กล่าว 

นายปิยบุตร กล่าวว่า 2. ให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง  เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่  เพราะหากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ปก็จะเกิดการเลือกตั้งช้าสุดในเดือน ก.พ. 62  เหลือเวลาอีกเพียง 10 เดือนถือว่าสั้นมากกับการทำพรรค เพราะทุกพรรคถูกจำกัดเสรีภาพนานถึง 4 ปี  เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สะท้อนเจตน์จำนงของประชาชนและพรรคการเมืองสามารถรณรงค์ได้ตามมาตรฐานในรัฐเสรีประชาธิปไตยก็ต้องปลดล็อคคำสั่งทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด  และ  3. คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558  ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน  และให้ยกเลิกการดำเนินคดีทางกฎหมายกับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทันที 

“ผมคิดว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในทางการเมืองเพราะ คสช.ก็ยังมีอำนาจบริหารอยู่  ถ้าเปิดเสรีภาพให้พรรคการเมืองรณรงค์มีการแลกเปลี่ยนพูดจากัน จะสร้างบรรยากาศที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เห็นถึงเส้นทางไปสู่โรดเม็ปว่าจะเกิดขึ้นจริง  การยกเลิกคำสั่งที่เป็นอุปสรรค และยุติการดำเนินคดีจะเป็นการสร้างบรรยากาศในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง และเป็นการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหาร สู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ  หากไม่ทำเช่นนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยยังมีการจำกัดเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชนก็จะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยแต่เป็นเพียงพิธีกรรมที่ใช้ประกอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการสืบทอดอำนาจเท่านั้น และหวังว่าคสช.ในฐานะผู้มีอำนาจจะไม่เลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กับพรรคที่ไม่ได้ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายก ซึ่งพรรคยังคงยืนยันจะไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี”นายปิยะบุตร กล่าว


นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีเหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพของ ประชาชน  พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่กำลังจัดตั้งพรรค  การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแม้จะทำให้การเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไปจากปัญหาทางเทคนิคก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพ   เพราะเราไม่เห็นเสรีภาพมา 4 ปีแล้ว 

นายปิยบุตร กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ตรงไปตรงมา  ซี่งเชื่อว่า คสช.คงเข้าใจประเด็นนี้ และหาทางจัดการเรื่องต่าง ๆ จึงอยากบอกว่าไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดความขัดแย้งเพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ช่วยขจัดความขัดแย้งทางความคิดได้อย่างสันติที่สุด  ด้วยการที่เปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงออก ซึ่งตนยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เชื่อว่าประเทศนี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้คงไม่มีการยื่นจัดตั้งพรรค และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปร่วมกับคสช.ในเดือนมิ.ย.หรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไมได้เป็นพรรคแบบสมบูรณ์เลย และยังไมได้รับเชิญ 

ด้านนายธนาธร  กล่าวว่า หลังยื่นขอจัดตั้งพรรคก็มีผู้สนับสนุนขอให้ไปรับฟังปัญหา จึงมีการลงพื้นที่เช่นที่  จ.ตรัง และพื้นที่ในภาคใต้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี   แต่ก็มีปัญหาในเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับประชาชนได้มากเกี่ยวกับเรื่องของนโยบาย และขณะนี้มีความต้องการแลกเปลี่ยนที่เป็นประชาธิปไตยไม่สามารถปิดกั้นได้แล้ว  คสช.ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้ง การที่อ้างเรื่องนี้เป็นเพียงคำพูดที่สร้างความหวาดกลัว  แต่น่าจะเข้าใจว่า การเมืองแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลแล้ว  

“สิ่งที่เป็นปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเส้นแบบอยู่ตรงไหน เวลาที่คสช.บอกว่าอย่าล้ำเส้นในทางกฎหมาย ก็ไม่ได้เขียนชัดเจนว่าอะไรทำได้ไม่ได้  จึงไม่รู้จะวางตัวอย่างไร ที่จะเหมาะสม แต่เห็นว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงและชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นจึงขอให้ปล่อยให้เราได้ทำกิจกรรมทางการเมือง  ให้ดอกไม้ได้บาน ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่า ก.พ. 62 เราพร้อมหมด ขอให้มีการเลือกตั้งก็แล้วกัน”นายธนาธร กล่าว  

นายธนาธร  กล่าวว่า หากหลังการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ  พรรคก็พร้อมเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน เพราะเรายืนหยัดอย่างชัดเจนว่าประชาชนควรได้รับสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย  ดังนั้นขอพูดให้ชัดเจนไว้ว่า หากพรรคได้รับการอนุมัติให้ก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง   เราจะไม่สนับสนุนนายกฯคนนอก  และไม่ร่วมรัฐบาลกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก ระบอบ  คสช. .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

สหรัฐเรียกร้องไทย-กัมพูชาหยุดยิงทันที

วอชิงตัน 25 ก.ค. – สหรัฐเรียกร้องไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันที หลังความขัดแย้งตามแนวชายแดนทวีความรุนแรง จนเกิดความสูญเสียต่อพลเรือน ส่วนจีนส่งเสริมให้เจรจาสันติภาพ ยันยันวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างสองชาติพันธมิตรของจีนในอาเซียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขยายวงกว้าง และแสดงความเสียใจต่อรายงานความสูญเสียของพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมปกป้องชีวิตพลเรือนและแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในกรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน และเป็นสมาชิกที่สำคัญของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน มิตรภาพอันดีระหว่างเพื่อนบ้านและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองฝ่าย จีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้องผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ จีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ กรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยจุดยืนที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม เขากล่าวอีกว่า จากมุมมองของผลประโยชน์ร่วมกันและความต้องการของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค จีนยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง และยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพในแบบของตนเองต่อไป เพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการลดระดับและลดความตึงเครียดลง ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายระมัดระวังต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง รักษาช่องทางการสื่อสารให้เปิดกว้าง และพยายามลดความตึงเครียดลงโดยเร็ว แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ได้มีจุดยืนฝักใฝ่ฝ่ายใดในข้อพิพาทนี้ แต่ขอย้ำถึงความสำคัญของการคงไว้ซึ่งการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ พร้อมแสดงความหวังว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยสันติ ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกรอบในการเจรจาและยุติข้อพิพาทด้านสถานทูตต่างชาติหลายแห่ง ออกคำเตือนประชาชนของตัวเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น สถานทูตของสหรัฐในประเทศไทย เตือนพลเมืองของตัวเองที่อาจจะทำงานหรืออาศัยอยู่ในจังหวัดที่ติดกับชายแดน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ขณะที่เว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สำนักงานต่างประเทศ […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย