เมืองทองธานี 5 เม.ย.-กรมพัฒนาสังคมฯ พม.เตรียมย้ายข้าราชการในสังกัดเพิ่ม หลัง ป.ป.ท.ส่ง 96 รายชื่อเอี่ยวโกงเงินคนจนให้พิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับที่ พส.ดำเนินการ ภายใน 9 เม.ย.นี้ จะทราบผลสั่งย้ายและสอบวินัยใครเพิ่ม
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง และความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และนายณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่มีมูลว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ ว่า ในส่วนการสอบวินัยร้ายแรงนั้น ตนได้รับทราบว่าคณะกรรมการสอบวินัยฯ ซึ่งมีนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เป็นประธาน ได้มีการประชุมหารือคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงไปแล้ว 1 ครั้งเกี่ยวกับแนวทางการสอบวินัยตามกฎคณะกรรมการข้าราชกาพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งต้องให้อิสระในการดำเนินการ
ส่วนที่จะมีการขอขยายระยะเวลาการสอบเพิ่มจากเดิมที่กำหนดไว้ 30 วันนั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า คงต้องพิจารณาเหตุผลความจำเป็น แต่ภายในสิ้นเดือนนี้ก็น่าจะมีความคืบหน้าการสอบรายงานมาให้ตนทราบ
เมื่อถามถึงข้อมูลที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่งมายัง พม.มีการเชื่อมโยงถึง ‘บิ๊กพม.’ หรือไม่นั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า เท่าทราบข้มูลที่ ป.ป.ท.ส่งมาจะเป็นข้อมูลของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ระดับ 8 ลงไป ส่วนหากจะมีข้อมูลเชื่อมไปสูงกว่านั้น ทาง ป.ป.ท.น่าจะส่งข้อมูลไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ
ด้านนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ(พส.) กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้ส่งข้อมูลรายชื่อข้าราชการพนักงานสังกัด พม.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินสงเคราะห์ให้ พส.พิจารณาดำเนินการตามกระบวนการแล้ว มีทั้งหมด 96 รายชื่อ เบื้องต้นยังไม่ได้ดูในรายละเอียด แต่เข้าใจว่าน่าจะมีบางส่วนสอดคล้องกับที่ พส.ดำเนินการ ทั้งสั่งพักราชการและสอบวินัยไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ภายในวันที่ 9 เมษายนนี้ จะทราบผลว่าจะต้องพิจารณาสั่งย้ายและสอบวินัยใครเพิ่ม รวมถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่ ป.ป.ท.ได้ระบุผ่านสื่อว่าขอให้สั่งย้ายผู้บริหารศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 4 จังหวัดเนื่องจากไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ชี้จุดบอดที่ทำให้มีการทุจริตเงินสงเคราะห์เนื่องจากไม่มีการแจ้งสิทธิ และการเผย แพร่ข้อมูลให้ท้องถิ่นและภาคประชาชนทราบ นางนภากล่าวว่า จริงๆเรื่องมาตรการและนโยบาย มีระเบียบการที่ชัดเจน แต่ถามว่าปฏิบัติตามหรือไม่ ก็มีบางส่วนไม่ปฏิบัติตามและบางส่วนที่ทราบกันก็มีผลพวงไปถึงผู้บริหาร
อย่างไรก็ตามขณะนี้ พส.ได้มีการจัดทำมาตรการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ที่รัดกุม โดยมีการพิจารณาอนุมัติงบประมาณให้กับกลุ่มเป้าหมายในรูปของคณะกรรมการ จากเดิมที่พิจารณาโดยนักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้ตัดสิน รวมถึงการจ่ายเงินผ่านระบบอีเพลเมนต์ อีกทั้งยังมีการติดตามประเมินผล
ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลนั้น ความจริงได้มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์และบอกผ่านสื่อ และหน่วยงานในพื้นที่ก็มีการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ท้องถิ่น แต่เข้าใจว่าคนที่อยู่ห่างไกล การสื่อสารก็อาจยากและตกหล่นบ้าง ต่อไปนี้จะพยายามเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงการส่งข้อมูลผ่านระบบมือถือ
ส่วนที่นักวิชาการตั้งข้อสังเกตการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เมื่อปี 2557 ว่ามีนัยยะและเชื่อมโยงกับการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย จะมีการทบทวนหรือไม่ เมื่อตั้งแล้วก็อย่ายกเลิกเลย อยากให้มองถึงประโยชน์ที่ตั้งว่าเงินสงเคราะห์มีความจำเป็นต่อผู้มีความยากลำบากไหม หากเห็นว่าจำเป็นก็อยากให้มองว่าปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนก็ให้แก้ตรงนั้น ไม่ใช่พอเกิดปัญหาแล้วจะต้องตัดทิ้งทั้งหมด .-สำนักข่าวไทย