กกร.ปรับจีดีพีปีนี้โต 4-4.5

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – กกร.ปรับเป้าจีดีพีปีนี้ดีขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 4-4.5 ส่งออกร้อยละ 5-8 ยอมรับมาตรฐานบัญชีใหม่กระทบภาคธุรกิจ เสนอเลื่อนบังคับใช้เป็นปี 65


นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร. ว่า  ที่ประชุม กกร.ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกและอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2561 ใหม่ โดยประเมินว่าการส่งออกอาจขยายตัวร้อยละ 5.0-8.0 จากเดิมเมื่อเดือนมกราคม 2561 ประเมินว่าจะโตร้อยละ 3.5-6.0 ซึ่งจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 4.0-4.5 จากเดิมประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 3.8-4.5 ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ปรับลดลงเหลือร้อยละ 0.7-1.2 จากเดิมประเมินว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 1.1-1.6  ส่วนเงินบาทสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 ทั้งนี้ เป็นผลจากเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งของการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวก็ยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ การนำเข้าที่ขยายตัวทุกหมวดทั้งสินค้าทุน วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสินค้าเพื่อการบริโภค สะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น


อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้ายังคงมีประเด็นท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับนานาประเทศ รวมทั้งการเปิดเผยรายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าของสหรัฐ โดยกระทรวงการคลังสหรัฐเดือนเมษายนนี้ ตลอดจนการปรับตัวของราคาสินค้าเกษตรบางรายการ และความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐ ซึ่ง กกร. จะติดตามสถานการณ์เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด

สำหรับประเด็นข้อพิพาททางการค้าจากการที่สหรัฐประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ไทยอาจจะติดอยู่ในรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองในรายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่เปิดเผยโดยกระทรวงการคลังสหรัฐนั้น กกร.เห็นว่าอาจจะยังมีผลกระทบที่จำกัดต่อการส่งออกของไทยปี 2561 จึงมีการปรับเพิ่มประมาณการส่งออก ส่วนเรื่องเหล็กที่ถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้านั้น มีความกังวลไม่มาก เชื่อว่ารัฐบาลไทยจะสามารถเจรจาได้และไทยต้องหาตลาดเพื่อนบ้านทดแทน ส่วนอลูมิเนียมประเทศไทยยังต้องนำเข้าจึงไม่ได้รับผลกระทบ

ส่วนมาตรฐานการบัญชี IFRS 9 ที่จะมีการบังคับใช้ปี 2562 นั้น กกร.เห็นว่าเป็นมาตรฐานที่มีผลกระทบกับภาคธุรกิจในวงกว้าง จึงเสนอให้คณะกรรมการกำกับวิชาชีพการบัญชี (กกบ.) ทำการพิจารณาผลกระทบให้รอบด้านและพิจารณารายละเอียดมากขึ้น และเสนอให้เลื่อนการบังคับใช้เป็นปี 2565 . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง