นนทบุรี 3 เม.ย. – กระทรวงพาณิชย์เผยแนวทางการตอบโต้จีนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการมีผลทันที ยังคงจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย แต่ต้องจับตาใกล้ชิด
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อานวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวถึงกรณีจีนระงับการลดหย่อนภาษีนำเข้าและประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการ โดยมีผลบังคับใช้ทันที ว่า จีนมีเป้าหมายตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอลูมิเนียมตามมาตรา 232 ของสหรัฐที่มีผลเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาและส่งผลกระทบต่อการค้าของจีน แต่คงจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย การขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ 128 รายการโดยจีนในครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ภาษีนำเข้าร้อยละ 15 สำหรับครอบคลุมสินค้า 120 รายการ ได้แก่ ผลไม้สดและแห้ง ถั่วและอื่น ๆ ไวน์ เอทานอลแปรรูป โสมจากสหรัฐ ท่อเหล็ก หรือคิดเป็นมูลค่า 1,129.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มที่ 2 ภาษีนำเข้าร้อยละ 25 สินค้าครอบคลุม 8 รายการ ได้แก่ หมู และผลิตภัณฑ์จากหมู อลูมิเนียมรีไซเคิลและผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม คิดเป็นมูลค่า 1,957.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ทางการจีนให้เหตุผลการขึ้นภาษีครั้งนี้ว่ามาจากการเพิกเฉยต่อข้อเสนอให้มีการชดเชยการค้าตามความข้อตกลงว่าด้วยมาตรการป้องกัน (Agreement on Safeguard) เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดย จีนยื่นรายชื่อ รายการสินค้าที่ถูกระงับการลดหย่อนภาษี พร้อมประกาศอัตราภาษีนาเข้าต่อสินค้าดังกล่าวต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ไปเแล้วเมื่อวันที่ 29 มีนาคม เพื่อรักษาผลประโยชน์และชดเชยความเสียหายทางการค้าของจีนจากมาตรการ 232 ของสหรัฐ แต่ทางการจีนเรียกร้องและหวังให้สหรัฐยกเลิกมาตรการที่ละเมิดกติกาของ WTO เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเริ่มการเจรจาระหว่างกัน เพื่อให้การค้าระหว่างจีนและ สหรัฐกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม มองว่ามาตรการของจีนครั้งนี้ เป็นการโต้ตอบกันระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นประเทศยักษ์ ใหญ่ทางเศรษฐกิจ 2 อันดับแรกของโลก จึงไม่เกี่ยวกับประเทศไทย แต่แน่นอนว่าคงจะกระเทือนต่อเสถียรภาพ ทางการค้าโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการวิเคราะห์เห็นว่ายังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อไทย แต่จะต้องเฝ้าระวังหากทั้ง 2 ประเทศมีมาตรการสินค้าอื่น ๆ ที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าขณะนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามใช้มาตรการกับสินค้าที่เป็นจุดแข็งหรือฐานเสียงของอีกฝ่าย เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเทคโนโลยีของจีน และสินค้าเกษตรของสหรัฐ หากมีแรงกดดันจากในประเทศอาจจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มกระบวนการเจรจากันเร็วขึ้นก็ได้ ดังนั้น จะติดตามสถานการณ์และความ เคลื่อนไหวของทางการสหรัฐอย่างใกล้ชิดก่อนถึงกำหนดที่สหรัฐจะประกาศความชัดเจนกำหนดรายการสินค้าที่จะขึ้นภาษีตามมาตรา 301วันที่13เมษายนนี้
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้า 128 รายการ คิดเป็นการส่งออกไปจีนประมาณร้อยละ 11.18 ของมูลค่า ที่สหรัฐส่งออกสินค้าดังกล่าวไปโลก โดยมีสินค้าสำคัญ 5 อันดับแรกที่สหรัฐพึ่งพาตลาดจีนค่อนข้างมาก ได้แก่ อลูมิเนียมรีไซเคิล องุ่นอื่น ๆ โสมสหรัฐ เครื่องในแช่แข็ง และผลไม้และถั่วอบแห้งเป็นต้น. – สำนักข่าวไทย