กระบี่ 28 มี.ค. – คดีสะเทือนขวัญ “บังฟัต” และพวก ฆ่ายกครัว 8 ศพ ผู้ใหญ่บ้านวรยุทธ สังหลัง ศาลจังหวัดกระบี่มีคำพิพากษาชี้ชะตาคดีนี้แล้ว โดยตัดสินประหารชีวิต “บังฟัต” และพวก
08.37 น. รถของเรือนจำจังหวัดกระบี่ นำตัวนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ “บังฟัต” พร้อมพวกรวม 8 คน เดินทางมาถึงศาลจังหวัดกระบี่ โดยทางศาลจัดให้จำเลยทั้งหมดเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีบริเวณด้านข้าง ทำให้สื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอบันทึกภาพไม่ได้เผชิญหน้ากับ “บังฟัต” และพวก โดยเจ้าหน้าที่ผู้คุม ระบุว่า “บังฟัต” และพวก มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการวิตกกังวลหรือเครียดแต่อย่างใด
09.00 น. ญาติของจำเลยและผู้เสียหายทยอยเดินทางมาถึงศาลจังหวัดกระบี่นับร้อยคน เพื่อรอฟังผลการพิจารณาคดี โดยญาติของผู้ใหญ่วรยุทธ เดินทางมาร่วมรับฟังราว 40 คน นำโดยนายจรีย์ และนางอ้าส้า บุตรเติบ พ่อตาแม่ยายของผู้ใหญ่วรยุทธ รวมถึงพยานบุคคลที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ และกลายเป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้ คือ นางอัญชลี บุตรเติบ มาพร้อมกับบุตรสาว 2 คน วัย 4 ปี และ 13 ปี ที่รอดชีวิตมาพร้อมกัน
09.30 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์ที่ 7 เริ่มอ่านคำพิพากษา ระหว่างนี้ คณะของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังศาล เพื่อร่วมรับฟังการพิจารณาคดีด้วย
11.50 น. ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง โดยมีใจความสำคัญว่า จำเลยทั้ง 8 คน ได้ร่วมกันกระทำความผิดในหลายกรรม จึงพิจารณาโทษต่างกรรมต่างวาระ
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1-6 ซึ่งประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ “บังฟัต” จำเลยที่ 1 นายคมสรรค์ เวียงนนท์ จำเลยที่ 2 นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ จำเลยที่ 3 นายอรุณ ทองคำ จำเลยที่ 4 นายประจักษ์ บุญทอย จำเลยที่ 5 นายธนชัย จำนอง จำเลยที่ 6 ซึ่งร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะผู้ตายทั้ง 8 ราย และผู้ร้องหรือผู้รอดชีวิตอีก 3 ราย เพื่อหวังเอาชีวิตและปิดปาก ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็กอายุเพียง 4 ปี 8 ปี 11 ปี 12 ปี และ 14 ปี นับเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดหดหู่ใจ โดยกระทำอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต ผิดวิสัยมนุษย์ และสะเทือนขวัญแก่ประชาชน จึงเห็นสมควรไม่ลดโทษให้ ตัดสินประหารชีวิตสถานเดียว
ส่วนจำเลยที่ 7 คือ นายธวัฒชัย บุญคง ศาลพิเคราะห์เห็นว่า แม้จะมิได้รู้เห็นขณะมีการฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปฏิบัติการครั้งนี้ ลงโทษจำคุก 19 เดือน ไม่รอลงอาญา
ส่วนนางชลิดา สังขโชติ จำเลยที่ 8 ศาลยกฟ้องข้อหาร่วมกันฆ่า แต่ยังคงความผิดฐานเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์ทวงหนี้มาก่อน รวมถึงช่วยปกปิดพยานหลักฐาน ตัดสินจำคุก 12 เดือน ไม่รอลงอาญา
สำหรับในคดีส่วนแพ่ง ศาลให้จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันชำระเงินเป็นค่าปลงศพ และค่าสูญเสียโอกาสในการอุปการะ ให้แก่ผู้ร้องลำดับที่ 1-8 ในจำนวนเงินที่แตกต่างกัน ซึ่งมีตั้งแต่จำนวนเงิน 400,000 บาท ไปจนถึงจำนวนเงินกว่า 2.4 ล้านบาท
ทันทีที่ทราบผลการตัดสิน ครอบครัวของผู้ใหญ่วรยุทธ ระบุว่า พอใจกับคำตัดสิน พร้อมฝากขอบคุณกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่ายที่ให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัว ยืนยันหาก “บังฟัต” และพวก ยื่นขออุทธรณ์คำตัดสินก็จะยื่นคัดค้าน เพื่อให้จำเลยทั้งหมดได้รับโทษ คือ ประหารชีวิตสถานเดียว
นอกจากนั้นในวันนี้ ญาติของผู้ใหญ่วรยุทธได้นำช่อดอกไม้มาแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ที่ร่วมกันทำงานจนสามารถปิดคดีและจับกุมคนผิดได้อย่างรวดเร็ว โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางมาร่วมรับฟังการพิจารณาคดี เป็นผู้รับมอบ
นับเป็นคดีสะเทือนขวัญและโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของไทยที่ 8 ชีวิต ซึ่งรวมถึงเด็กผู้หญิง ต้องสังเวยให้กับความแค้น จากชนวนเหตุความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินและโฉนดที่ดิน โดยหลังจากนี้ “บังฟัต” และพวก มีเวลาในการยื่นขออุทธรณ์ลดโทษภายใน 30 วัน ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า สุดท้ายโทษที่พวกเขาทั้งหมดจะได้รับจะคงไว้ซึ่งโทษประหารชีวิตหรือไม่อย่างไร. – สำนักข่าวไทย
ชมผ่านยูทูบ