ไบโอไทยประเมิน โอกาสที่จะเสนอให้มีการแบน “พาราควอต ” มีน้อยกว่า 30%

กรุงเทพฯ 24 มี.ค. จากการประเมินโดยไบโอไทย โอกาสที่อนุกรรมการเฉพาะกิจฯ จะเสนอให้มีการแบนพาราควอตมีโอกาสน้อยกว่า 30%    มีโอกาสสูงที่จะมีการเสนอให้มีการใช้พาราควอตต่อไปโดยอ้างว่าเสนอให้มีการใช้แบบควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อลดกระแสต่อต้านจากหลายหน่วยงานและภาคประชาชน


โดยไบโอไทย วิเคราะห์ว่า  มีโอกาสน้อยมากที่ในวันที่ 27 มีนาคม 2561 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการพิจารณาของอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาเรื่องพาราควอต   จะมีการเสนอให้มีการแบนสารพิษดังกล่าว ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 4 กระทรวงหลัก


เหตุผลหลักเนื่องจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมาย แต่งตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจซึ่งพิจารณาเกี่ยวกับการแบนพาราควอตมาจากหน่วยงานที่มาจาก  ด้านการผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมมาเป็นเสียงส่วนใหญ่   ในอนุฯซึ่งจะทำหน้าที่ในการชงเรื่องว่าจะมีการแบนหรือไม่แบนพาราควอต

ทั้งๆที่ในหลักการทั่วไปและแนวปฏิบัติของหลายประเทศ การแบนสารพิษใดๆ  หน่วยงานหลักที่ทำหน้านี้ได้แก่กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ในกรณีสหรัฐอเมริกาคือ EPA หรือ FDA และในบราซิลคือ ANVISA เป็นต้น แต่ในประเทศไทยอำนาจการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชกลับเป็นของกระทรวงเกษตรฯและกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งมีตัวแทนจากบริษัทเอกชนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั่งเป็นกรรมการในการพิจารณารวมอยู่ด้วย


โดยหากพิจารณาที่มาของอนุกรรมการชุดนี้ มีที่มาจากกระทรวงเกษตรและอดีตข้าราชการในกระทรวงเกษตรถึง 4 คน จากการประเมินโดยไบโอไทย ทั้ง 4 คนจะเสนอความเห็นให้มีการใช้พาราควอตต่อไป แต่เพื่อสร้างความชอบธรรมให้มีการใช้สารพิษนี้ก็มีแนวโน้มสูงที่จะมีการเสนอในรูปแบบ “ควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด” ซึ่งแทบไม่มีทางที่จะสามารถบังคับใช้ได้ การเสนอให้มีการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด (restricted use) จึงมีค่าเท่ากับการอนุญาตให้มีการใช้สารพิษนี้ต่อไปนั่นเอง

โดยตัวแทนจากกรมวิชาการเกษตรทั้ง2คนน่าจะสนับสนุนให้มีการใช้พาราควอตต่อไป เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับอธิบดีกรมวิชาการเกษตรที่เดินหน้าอนุญาตให้บริษัทยักษ์ใหญ่ขึ้นทะเบียนไปก่อนหน้านี้แล้วโดยไม่รับฟังข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข//  ส่วนอดีตข้าราชการกรมวิชาการเกษตรน่าจะไม่แบนพารารควอตด้วยเหตุผลเดียวกับที่ไม่แบนคาร์โบฟูราน  // ส่วนตัวแทนจากสำนักงานมาตรฐานอาหารแห่งชาตินั้น จากการที่ไบโอไทยเคยเข้าร่วมประชุมกับฝ่ายนโยบายของกระทรวงเกษตร ผู้บริหารของหน่วยงานนี้มีท่าทีจะสนับสนุนการใช้พาราควอตค่อนข้างแน่

ไบโอไทยอ้าง ข้อมูลจากแหล่งข่าวในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า ตัวแทนของกรมควบคุมมลพิษน่าจะเสนอความเห็นให้มีการใช้พาราควอตต่อไป เนื่องจากไม่เชื่อถือข้อมูลเกี่ยวกับการตกค้างของพาราควอตในสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นงานวิจัยของมหาวิทยานเรศวร มหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาก่อนหน้านี้

อนุกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา 2 คน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการใช้พาราควอตต่อทั้ง 2 คน โดยคนหนึ่งอยู่ในอนุกรรมการที่เคยแสดงความเห็นคัดค้านการแบนคาร์โบฟูรานทั้งๆที่สารพิษนั้นมีการแบนมาแล้วทั่วโลกแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้ส่งออกมายังประเทศไทยเอง ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมผู้ค้าสารพิษและแสดงทัศนะโน้มเอียงไปในทิศทางที่จะไม่แบนพาราควอตเช่นกัน

มีเพียงอนุกรรรมการเฉพาะกิจ 2 คนเท่านั้นจากทั้งหมด 14 คนที่จะเสนอให้มีการแบน คือ  รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์สนับสนุนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอีกคนเป็นกรรมการวัตถุอันตรายที่มาจากตัวแทนองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและคณะกรรมการขับเคลื่อนมติของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (ซึ่งมีจุดยืนให้แบนพาราควอต) ส่วนอีกท่านหนึ่งแม้จะมาจากกระทรวงสาธารณสุข แต่ไบโอไทยประเมินว่าหากผู้บริหารในกระทรวงไม่สั่งการให้ต้องดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงฯที่ประสงค์จะให้แบนพาราควอตก็มีแนวโน้มที่จะเลือกไม่แสดงความคิดเห็น

กรรมการที่เหลือนอกเหนือจากประธานซึ่งแสดงภาพว่าต้องรักษาความเป็นกลางแล้ว เป็นอนุกรรมการที่มาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งโดยทั่วไปตัวแทนจากหน่วยงานรัฐอื่นจะหลีกเลี่ยงที่จะแสดงความคิดเห็นเพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

จากการประเมินโดยไบโอไทย โอกาสที่อนุกรรมการเฉพาะกิจจะเสนอให้มีการแบนพาราควอตมีโอกาสน้อยกว่า 30% มีโอกาสสูงที่จะมีการเสนอให้มีการใช้พาราควอตต่อไปโดยอ้างว่าเสนอให้มีการใช้แบบควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อลดกระแสต่อต้านจากหลายหน่วยงานและภาคประชาชน

สิ่งที่ควรเป็นห่วงอย่างยิ่งคือเมื่ออนุกรรมการมีความเห็นเช่นไร โดยทั่วไปคณะกรรมการวัตถุอันตราย(ซึ่งเป็นคนแต่งตั้งอนุกรรมการชุดนี้)จะมีความเห็นเช่นนั้นด้วย ดังคำให้สัมภาษณ์ของ นาย ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อดีตอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 กรณี “คณะกรรมการวัตถุอันตรายอาศัยช่วงชุลมุนปล่อย คาร์โบฟูราน – เมโทมิล ลอยนวล” ดังต่อไปนี้

“กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการนั้นมีการตั้งคณะอนุกรรมการเป็นผู้พิจารณา ความเหมาะสมในการจัดชนิดของวัตถุอันตราย และทำการพิจารณากันหลายรอบ ในทางปฏิบัติคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะไม่ค่อยได้ออกความเห็น ถ้าสารเคมีชนิดใดเกี่ยวข้องกับกระทรวงไหน จะให้คณะกรรมการและอนุกรรมการที่มาจากกระทรวงนั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ประกอบด้วยนักวิชาการด้านเกษตรเป็นส่วน มาก โดยมี ดร.นวลศรี ทยาพัชร อดีตผู้อำนวยการกองวัตถุมีพิษการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เป็นประธานคณะอนุกรรมการ ส่วนการพิจารณาลงความเห็นจะเป็นไปตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาและเสนอขึ้นมา เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาเสนอเรื่องขึ้นมาแล้ว คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะเห็นชอบตามนั้นและออกมาเป็นมติสิ้นสุด”

หากประชาชนไม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องและตรวจสอบ และหากฝ่ายบริหารซึ่งหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกให้ข้อสรุปและมีมติยืนยันให้แบนพาราควอต รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเองไม่ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่กำกับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ประเทศไทยจะยังคงแผ่นดินอาบสารพิษต่อไปอีกนานเท่านาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย