พีทีทีจีซีเดินหน้า 3 โครงการปิโตรเคมีพื้นที่อีอีซี

ระยอง  23 มี.ค. – พีทีทีจีซีจับมือนักลงทุนต่างประเทศ เดินหน้า 3 โครงการปิโตรเคมี ร่วม 70,000 ล้าน  ในพื้นที่อีอีซี ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการส่วนขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ซึ่งเป็นโครงการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นและขั้นปลายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จังหวัดระยอง ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ (Olefins Reconfiguration Project ) โครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และโครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) โดยมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธี ณ พื้นที่ก่อสร้างโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ พีทีทีจีซี สาขา 2  (โรงโอเลฟินส์ ไอ – หนึ่ง) จังหวัดระยอง


นายศิริ  กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีภารกิจสำคัญในการจัดหาพัฒนาและบริหารจัดการพลังงาน เพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่พลังงานจะต้องก้าวไปสู่พลังงาน 4.0 พร้อมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่อีอีซี นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่อีอีซี เพื่อรองรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต โดยมุ่งเน้นให้แต่ละพื้นที่ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกันมีความสามารถที่จะนำพาการพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคพร้อมทั้งการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ สำหรับการดำเนินโครงการส่วนขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในพื้นที่อีอีซีของพีทีทีจีซีร่วมกับนักลงทุนพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี สร้างโอกาสการจ้างงาน พร้อมการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน เพื่อประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเติบโตร่วมกัน อย่างยั่งยืน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์  ประธานกรรมการพีทีทีจีซีและหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.อีอีซีได้รับการเห็นชอบและกำลังอยู่ระหว่างการออกเป็นกฎหมาย และ ถูกกำหนดลงในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญของการพัฒนาและเดินหน้าตามนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการลงทุนขนาดใหญ่จะได้รับการคุ้มครองและดูแลอย่างเป็นธรรม ปัญหาและอุปสรรคจะได้รับการดูแลแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต โครงการส่วนขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ซึ่งเป็นโครงการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นและขั้นปลายในพื้นที่อีอีซีจังหวัดระยอง ทั้ง 3 โครงการนี้ไม่เพียงส่งเสริม New S-Curve ในอีอีซี เท่านั้น แต่ยังมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจสู่ชุมชน อีกด้วย

นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พีทีทีจีซี กล่าวว่า พื้นที่ Eastern Seaboard แห่งนี้ เมื่อ 30 ปีก่อนยังเป็นไร่สับปะรด และพีทีทีจีซีเชื่อว่าการลงทุนในพื้นที่แห่งนี้จะสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยพีทีทีจีซีเป็นผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่เข้ามาลงทุน สร้างโรงโอเลฟินส์แห่งแรกของประเทศ ก่อเกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย สร้างงาน สร้างอาชีพ                สร้างรายได้และความเจริญให้กับประเทศมาโดยตลอด ทำให้ไทยเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ วันนี้พีทีทีจีซีพร้อมที่จะลงทุนเดินหน้าโครงการปิโตรเคมี 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท ในพื้นที่อีอีซี ที่นับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นประตูสู่ทวีปเอเชีย ยุโรปและอเมริกา ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก 


ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าอีอีซีจะสร้างโอกาสการกลับมาลงทุนใหม่ของนักลงทุนบนพื้นที่เดิม ด้วยมีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่พัฒนาต่อยอดใหม่ โดยพีทีทีจีซีได้เชิญนักลงทุนต่างชาติมาเยี่ยมชมพื้นที่ใน อีอีซีและพีทีทีจีซีได้ไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุน 7-8 บริษัทให้ความสนใจและตัดสินใจร่วมลงทุน โดยได้มีการลงนามเอ็มโอยูแล้ว 5 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนในอีอีซีรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในระยะ 5 ปี และบริษัทฯ ก็พร้อมจะเดินหน้าไปกับการพัฒนาอีอีซีของประเทศ

สำหรับโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ บริษัทฯ ลงนามในสัญญาออกแบบวิศวกรรมการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ การก่อสร้าง กับบริษัท ซัมซุงเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SECL) บริษัท ซัมซุง เอนจิเนียริ่ง ไทยแลนด์ จำกัด (SET) และ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) (TTCL) เพื่อก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี โครงการโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ (Olefins Reconfiguration Project)  โดยใช้แนฟทา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563 โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 36,000 ล้านบาท

ส่วนโครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ และโครงการผลิตสารโพลีออลส์ เป็นโครงการในธุรกิจสาย Polyurethane ซึ่งอยู่ในกลุ่มเคมีภัณฑ์สมรรถนะสูงที่เป็นการต่อสายธุรกิจผลิตภัณฑ์ Polyurethane อย่างครบวงจร เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตลาดกำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อย คือ GC Oxirane Co., Ltd. (GCO) และบริษัทร่วมทุน GC Polyols Co., Ltd (GCP) ระหว่างพีทีทีจีซีและพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัท Sanyo Chemicals Industries (SCI) และ บริษัท Toyota Tsusho Corporation (TTC) เพื่อดำเนินธุรกิจ PO และ Polyols โดยมีมูลค่าโครงการ PO/Polyols รวมกันประมาณ  32,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2563

ทั้งนี้ โครงการลงทุนส่วนขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของพีทีทีจีซีในพื้นที่อีอีซีครั้งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้านปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ถึง 25 เท่า เกิดการจ้างงานให้กับประชาชน เกิดกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ชุมชน และประชาชนที่อยู่ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]