ทีมเศรษฐกิจตอกย้ำไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุน

เมืองทอง 19 มี.ค. – ทีมเศรษฐกิจร่วมแจงแผนเมกะโปรเจ็กต์ ย้ำไทยพร้อมต้อนรับลงทุน เพื่อก้าวกระโดดครั้งใหญ่  เชื่อไทยเป็นศูนย์กลางความเติบโตการลงทุนใน 15 ปีข้างหน้า 


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ “เร่งเครื่องขับเคลื่อนไทยสู่มิติใหม่” ว่า ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงจากที่เคยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี เหลือร้อยละ 0-3 เท่านั้น เมื่อรัฐบาลอัดฉีดงบเพียงปีละ 300,000-400,000 ล้านบาทเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากลายเป็นคนแก่ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายประเทศไทย 4.0 ไทยได้กลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง โดยมียุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปีข้างหน้าไทยจะก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนา ประชากรมีรายได้ต่อหัวของประชากรต่อคนต่อปี 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 5-6 ต่อปี ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อยต้องอยู่ที่อันดับที่ 15 

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ไทยกำลังเชื่อมโยงสู่อาเซียนและในช่วง 15 ปีข้างหน้าอาเซียนจะเป็นพื้นที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของการลงทุนในโลก โดยไทยอยู่จุดศูนย์กลางของศูนย์กลางของอาเซียน นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างวางแผนความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ CLMV เป็นการร่วมมือที่รวมไทยด้วย คือ  CLMVT เพื่อเชื่อมโยงทุกด้าน รวมถึงเชื่อมต่อไปยังประเทศจีนและอินเดีย ทำให้มีตลาดรองรับธุรกิจถึง 3,000 ล้านคน นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดันให้การเชื่อมต่อภายในกลุ่มประเทศอินโดจีนเป็นไปอย่างไร้พรมแดน โดยขณะนี้กรมศุลกากรอยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้ประกอบการในไทยที่จะเชื่อมโยงโครงข่ายการผลิตในหลายประเทศในอินโดจีน สามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวก ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ออกไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุน ผสานกับมีการนำเทคโนโลยีใช้ในกระบวนการผลิต พร้อมกันนี้ยังแสวงหาตลาดใหม่ บีโอไอเล็งไปที่ประเทศบังกลาเทศที่เศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 7.2 ต่อปี มีประชากรกว่า 800 ล้านคน


ด้านการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาไทยมีการปรับปรุงกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงในเรื่องการออกวีซ่า รวมถึงได้มีการยกระดับความง่ายในการทำธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไทยเป็น 2 ประเทศที่มีการพัฒนาอย่างมาก จากที่เคยอยู่ในดับ 46 ปรับขึ้นล่าสุดเป็นอันดับ 26 ซึ่งได้รับการยกจากธนาคารโลกว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาที่ดีเด่นองจากประเทศบรูไน

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ไทยต้องการให้เกิดการลงทุนลักษณะหุ้นส่วนจากต่างประเทศด้วยนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 กำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่ม ประกอบด้วย ยกระดับ 5 อุตสาหกรรมไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพระดับสูง การแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยว ส่วน 5 อุตสาหกรรมใหม่ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ทั้งสำหรับภาคอุตสาหกรรมและการใช้งานในชีวิตประจําวัน อุตสาหกรรมการบินแบบครบวงจร ศูนย์ซ่อมอากาศยาน ชิ้นส่วนอะไหล่ รวมทั้งศูนย์ฝึกการบินบริเวณสนามบินอู่ตะเภา อุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร อุตสาหกรรม Bio economy โดยเฉพาะพลังงานและเคมีชีวภาพและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล  ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยผลประโยชน์จะเกิดอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยจะได้ประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไทยจะปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงคมนาคม ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ นับจากนี้ไปจะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่  เพื่อพัฒนาการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางอากาศ ทางรถ ทางระบบราง ภายใต้แนวคิด One Seamless Transport หรือการขนส่งไร้รอยต่อ และเป็นระบบคมนาคมแบบเวอร์คลาส โดยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่ง ระบบราง แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ รถไฟขนส่งสินค้า ด้วยการลงทุนพัฒนารถไฟรางคู่ ที่จะพัฒนาเป็นระบบไฟฟ้าต่อไป ส่วนที่ 2 รถไฟความเร็วสูงขนส่งคน  และรถไฟขนส่งคนในกรุงเทพฯ 10 สายทาง ด้านท่าเรือ มีการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด จากรองรับตู้สินค้าได้ 7 ล้าน BTUต่อปี เพิ่มเป็น 15 ล้าน BTUต่อปี และพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีเที่ยวบินมากถึงปีละ 1 ล้านเที่ยวบิน และในอนาคตเพิ่มเป็น 3 ล้านเที่ยว ดังนั้น ไทยจึงเป็นศูนย์กลางการบิน พร้อมกันนี้ยังมีการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยานด้วย

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) กล่าวว่า เพื่อเตรียมการด้านแรงงานที่มีทักษะตรงกับความต้องการของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลได้ผลักดันให้นักเรียนอาชีวศึกษาทั้งระดับ ปวส.และ ปวช.มีทักษะพร้อมเข้าทำงาน ขณะเดียวกันนักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงานฝีมือ เพราะไทยเป็นแรงงานฝีมือผ่านการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะ  ด้านนักวิจัยไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากผู้ที่จบระดับดอกเตอร์ด้านวิจัยปัจจุบันทำงานกับภาครัฐมากถึง 10,000 คน จึงเป็นโอกาสมากในการเข้ามาทำงานกับเอกชนไทย  พร้อมกันนี้ผู้เข้ามาลงทุนยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี ขณะที่บุคลากรอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บร้อยละ 15 ต่ำที่สุดในอาเซียน เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย